

TradingKey – สวนทางกับกระแสในตลาดที่ว่า Amazon Web Services (AWS) “กำลังตกขบวนคลาวด์ยุค AI” ผลประกอบการไตรมาส 3 ล่าสุดกลับชี้ชัดว่า AWS โตเร็วที่สุดในรอบ 3 ปี ยืนยันสถานะผู้นำในตลาดโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ของโลกอย่างแท้จริง
แรงส่งหลักมาจากการฟื้นตัวของธุรกิจคลาวด์ AWS ซึ่งสร้างรายได้คิดเป็นเพียง 20% ของรายได้รวม แต่กลับทำกำไรจากการดำเนินงาน (Operating Profit) มากกว่า 65% ส่งผลให้ราคาหุ้น Amazon พุ่งแรงที่สุดในรอบสามปีหลังปิดตลาด
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา หลังตลาดปิด Amazon (AMZN) บริษัทอีคอมเมิร์ซและคลาวด์ยักษ์ใหญ่ของโลก รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2025 ออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดทุกด้าน ทั้งยอดขายสุทธิ (Net Sale) รายได้สุทธิ (Net Income) และโดยเฉพาะ “กำไร” ที่เรียกได้ว่า AWS คือตัวดันหลัก
ราคาหุ้นพุ่งขึ้นกว่า 13% ในการซื้อขายหลังปิดตลาด ซึ่งหากแรงซื้อนี้ยังมีต่อเนื่องถึงวันศุกร์ จะถือเป็นการปรับตัวขึ้นรายวันแรงที่สุดนับตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2022
รายได้รวม (Revenue): 180.17 พันล้านดอลลาร์ +13% YoY สูงกว่าคาดที่ 177.8 พันล้านดอลลาร์
กำไรต่อหุ้น (EPS): 1.95 ดอลลาร์ สูงกว่าคาดที่ 1.57 ดอลลาร์
จุดเด่นคือ AWS
ตัวเลขนี้ถือเป็นการพลิกกลับจากช่วงก่อนหน้า ที่นักลงทุนกังวลว่า Amazon กำลัง “เสียตำแหน่งผู้นำธุรกิจคลาวด์ในยุค AI”
ก่อนหน้านี้ Wall Street มองว่า AWS โตช้ากว่าคู่แข่งอย่าง Google Cloud (+32%) และ Microsoft Azure (+39%) ในไตรมาสก่อนหน้า
แม้ AWS จะยังครองส่วนแบ่งตลาดคลาวด์ทั่วโลกราว 30% แต่ความกังวลเรื่องการชะลอการเติบโต ทำให้หุ้น Amazon ถูกมองเป็น “ตัวที่อ่อนสุด” ในกลุ่มหุ้นเทคยักษ์ใหญ่ และยังตามหลังดัชนี S&P 500 Index ตั้งแต่ต้นปี
นักวิเคราะห์จาก William Blair ชี้ว่า ก่อนหน้าที่จะมีการประกาศงบในไตรมาสนี้ Amazon กำลังเผชิญ “ปัญหาภาพลักษณ์” ที่ถูกมองว่าตามหลังในยุค AI ซึ่งจำกัดมูลค่าหุ้น และความเชื่อมั่นของนักลงทุน
ตอนนี้ผลประกอบการไตรมาส 3 ของ Amazon กลับมายืนยันถึงความเป็นผู้นำในตลาดอีกครั้ง
Andy Jassy ซีอีโอของบริษัท กล่าวว่า ไตรมาสนี้เป็นช่วงที่ AWS มีอัตราการเติบโตเร็วที่สุดนับตั้งแต่ปี 2022 โดยเร่งตัวขึ้นมาที่ 20.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY)
เขากล่าวเพิ่มเติมว่า “เรายังคงเห็นความต้องการที่แข็งแกร่งทั้งในด้าน AI และโครงสร้างพื้นฐานหลัก และเรามุ่งเน้นการเร่งขยายขีดความสามารถ โดยเพิ่มพลังงานรองรับกว่า 3.8 กิกะวัตต์ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา”
Evercore ISI ระบุว่า การเติบโต 20% เมื่อเทียบกับปีก่อนนี้ ถือเป็นอัตราที่สูงที่สุดในรอบ 11 ไตรมาส พร้อมชี้ว่า สิ่งที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนคือยอดขายของชิปเฉพาะทาง (Custom Chips) โดยเฉพาะ Trainium (ชิปสำหรับเทรนโมเดล AI) ที่มีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 150% แบบไตรมาสต่อไตรมาส
Evercore กล่าวเสริมว่า “มุมมองต่อ AI ของ AWS กลับมาเป็นบวกอย่างชัดเจน”
Wedbush แสดงความเห็นในทิศทางเดียวกัน โดยเชื่อว่าความเชื่อมั่นในความเป็นผู้นำด้าน AI ของทีมผู้บริหารกลับคืนมาแล้ว อันเป็นผลจากการเร่งตัวของการเติบโตใน AWS และแนวโน้มเชิงบวกในคำแนะนำของบริษัท
อย่างที่ TradingKey เคยรายงานไว้ก่อนหน้า ปัญหาหลักของ AWS คือข้อจำกัดด้านศักยภาพ แต่ตอนนี้ Amazon แสดงให้เห็นแล้วว่า บริษัทมีทั้งความแข็งแกร่งทางการเงิน และความมุ่งมั่นเชิงกลยุทธ์ที่จะขยายโครงสร้างพื้นฐาน AI ในระดับใหญ่ ซึ่งถือเป็นสัญญาณเชิงบวกอย่างมาก (Bullish Signal)
Brian Olsavsky ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน กล่าวว่า
Jassy เสริมว่า กำลังการผลิตไฟฟ้าของศูนย์ข้อมูล AWS เพิ่มขึ้น “สองเท่า” นับตั้งแต่ปี 2022 และจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวภายในปี 2027
Wedbush คาดว่า การเติบโตของ AWS จะขยับขึ้นแตะ 22% ในไตรมาส 4 โดยได้รับแรงหนุนจากคำสั่งซื้อที่รอส่งมอบ (Backlog) ที่แข็งแกร่งและเงินลงทุน (Capex) ที่เพิ่มขึ้น
Lloyd Walmsley นักวิเคราะห์จาก Mizuho ระบุว่า แม้ผู้บริหารจะหลีกเลี่ยงการใช้คำว่า “เร่งตัว” แต่บริษัทก็ยังคาดว่า AWS จะเติบโตแตะ 21% ในไตรมาสถัดไป
ด้วยระดับราคาปัจจุบันที่ Amazon ซื้อขายอยู่ราว 24 เท่าของกำไรต่อหุ้นล่วงหน้า (Forward P/E Ratio) ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยสามปีที่ 31 เท่า Mizuho มองว่าหุ้นมีโอกาสฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ
S&P Global ชี้ว่า ผลประกอบการที่แข็งแกร่งทั้งในธุรกิจคลาวด์และค้าปลีกหลักของ Amazon ช่วยสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนที่กังวลว่าบริษัทอาจทุ่มเงินมากเกินไปกับสิ่งที่บางคนมองว่าเป็น “ฟองสบู่ AI”
“มันไม่ได้รู้สึกเหมือนฟองสบู่เลย... แต่มันคือธุรกิจที่กำลังขับเคลื่อนเต็มศักยภาพในทุกเครื่องยนต์ต่างหาก”
ณ วันที่ 30 ตุลาคม หุ้น Amazon ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.58% นับตั้งแต่ต้นปี แม้จะลดลงราว 5% ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา