tradingkey.logo

ทำไม Intel ที่มีทรัมป์หนุนหลังยังไม่น่าซื้อ? ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เงิน

TradingKey
ผู้เขียนEsteban Ma
20 ส.ค. 2025 เวลา 12:52

TradingKey - แม้รัฐบาลทรัมป์มีแผนเข้าถือหุ้น 10% ใน Intel และ SoftBank ลงทุน 2 พันล้านดอลลาร์ หุ้น Intel พุ่งราว 30% ในเดือนสิงหาคม ดันมูลค่ากิจการขึ้นสูงสุดตั้งแต่ปี 2002 อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์วอลล์สตรีทเห็นว่าต่อให้มีแรงหนุนจากภาครัฐช่วยผลักราคาหุ้นระยะสั้น ปัญหาระยะยาวที่แท้จริงของ Intel ไม่ใช่ “เงินทุน” แต่คือ “ลูกค้า”

วันอังคารที่ 19 สิงหาคม ท่ามกลางการอ่อนตัวของหุ้นเทคสหรัฐฯ โดย Nvidia ร่วงแรงสุดในรอบสี่เดือน หุ้น Intel กลับโดดเด่น พุ่ง 6.97% ปิดที่ 25.31 ดอลลาร์ ตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม หุ้น Intel ขึ้นแล้ว 28% เพิ่มมาร์เก็ตแคปราว 24 พันล้านดอลลาร์ ทะลุ 1.1 แสนล้านดอลลาร์

ด้วยความไม่แน่นอนของการฟื้นตัว บางฝ่ายมองว่า Intel เริ่ม “แพง”

ตามรายงานของ Bloomberg แรลลี่ล่าสุดทำให้อัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E) อิงกำไรคาดการณ์ 12 เดือนข้างหน้า ไต่ขึ้นแตะ 53 เท่า สูงสุดตั้งแต่ต้นปี 2002

การสนับสนุนจากภาครัฐที่ไร้ “เงินสดจริง”

โฆษกทำเนียบขาว Karoline Leavitt ยืนยันรายงานสื่อเมื่อวันอังคาร โดยระบุว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กำลังปิดดีลเข้าถือหุ้น 10% ใน Intel ยักษ์ใหญ่ชิป

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผู้นำเซมิคอนดักเตอร์รายนี้ไม่เพียงเสียส่วนแบ่งตลาดชิปพีซีให้ AMD และ Qualcomm แต่ยังตามหลัง AMD และ Nvidia ในศึกเอไอ BBC ระบุว่าดีลสลับหุ้นภายใต้รัฐบาลทรัมป์อาจช่วยให้ Intel แข่งขันกับ Nvidia, Samsung และ TSMC ในตลาดชิปเอไอได้

นักวิเคราะห์ Deutsche Bank ชี้ว่า ข่าวความเป็นไปได้ที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะเข้าถือหุ้น บวกกับเงินลงทุนจาก SoftBank สะท้อนว่าซีอีโอ Intel Lip-Bu Tan กำลังก้าวเดินเชิงรุกเพื่อเสริมแกร่งฐานะการเงินและกลยุทธ์ในช่วงเปลี่ยนผ่านที่ยากลำบาก

อย่างไรก็ดี “การลงทุนของรัฐ” ดังกล่าวคือการแลกเปลี่ยนเงินอุดหนุนตามกฎหมาย CHIPS ราว 1 หมื่นล้านดอลลาร์กับหุ้นในสัดส่วนเทียบเท่า เป็น “อุดหนุนแลกหุ้น” ไม่ใช่เงินทุนใหม่ วิธีการนี้จึงถูกวิจารณ์

รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ Howard Lutnick ระบุว่า:

“เราควรได้หุ้นตอบแทนสำหรับเงินของเรา เราจะได้หุ้นตอบแทนนั้น… แทนที่จะมอบเงินก้อนให้เปล่า”

Stacy Rasgon นักวิเคราะห์จาก Bernstein ชี้ว่า เดิมที Intel ควรได้รับเงิน CHIPS Act ฟรี ๆ ดังนั้นการสละหุ้น 10% ตอนนี้จึงดูเป็นดีลที่แย่กว่า หากเป้าหมายคือช่วยให้ Intel สร้างกำลังการผลิตในสหรัฐฯ ระดับมีนัยสำคัญ เงิน 10.9 พันล้านดอลลาร์ “ไม่พออย่างยิ่ง”

นักวิเคราะห์ประเมินว่า เทคโนโลยี 14A เจเนอเรชันถัดไปของ Intel อาจต้องใช้เงินลงทุนสูงถึง 4 หมื่นล้านดอลลาร์

ปัญหาที่แท้จริงของ Intel

นักวิเคราะห์ Loop Capital เปรียบเงินจาก SoftBank และแรงหนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ ว่าเป็น “เชือกช่วยชีวิตที่ปลายอีกด้านไร้หลักยึด” โดยแม้ Intel จะหา นักลงทุนหุ้นเพิ่มได้ แต่ไม่ได้การันตีว่าจะหาลูกค้าให้ธุรกิจฟาวดรีได้

ธุรกิจฟาวดรีของ Intel มีลูกค้าอย่าง Amazon และ Microsoft ทว่าลูกค้ารายใหญ่สุดยังคงเป็น “Intel เอง” ตรงกันข้ามกับคู่แข่งอย่าง TSMC ที่มีลูกค้าอย่าง Nvidia, Apple และ AMD

Rasgon จาก Bernstein กล่าวว่า “เราไม่เชื่อว่าช่องว่างด้านความสามารถของ Intel เกี่ยวข้องกับเรื่องเงิน”

Patrick Moorhead ผู้ก่อตั้ง Moor Insights and Strategy เสริมว่า หากรัฐบาลสหรัฐฯ กลายเป็น “ลูกค้าระยะยาว” ของ Intel จริง อาจยิ่งทำให้ปัญหานวัตกรรมซับซ้อนขึ้น นำไปสู่ความไร้ประสิทธิภาพ ขาดนวัตกรรม และต้นทุนสูงขึ้น

ดังนั้น Moorhead จึงหวังให้ Intel ยืนด้วยลำแข้ง รีบิลด์ตัวเองให้เป็นฟาวดรีชั้นนำที่น่าเชื่อถือ และแนะนำให้รัฐบาลขายหุ้นออกมา

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: เนื้อหาของบทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้น และไม่ได้สะท้อนท่าทีอย่างเป็นทางการของ Tradingkey ไม่ควรถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการอ้างอิงเท่านั้น และผู้อ่านไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยอิงจากเนื้อหาของบทความนี้เท่านั้น Tradingkey ไม่รับผิดชอบต่อผลการเทรดใด ๆ ที่เกิดจากการพึ่งพาบทความนี้ นอกจากนี้ Tradingkey ไม่สามารถรับประกันความถูกต้องของเนื้อหาบทความ ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนใดๆ ขอแนะนำให้ปรึกษาทางการเงินอิสระเพื่อทำความเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างถ่องแท้

ตราสารที่เกี่ยวข้อง

บทความแนะนำ

KeyAI