tradingkey.logo

สหรัฐฯ สะสม Bitcoin อย่างไร และทำไมตลาดถึงจับตาใกล้ชิดนัก?

TradingKey
ผู้เขียนBlock Tao
23 ส.ค. 2025 เวลา 2:00

บทนำ

TradingKey – เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ Scott Bessent ระบุว่ารัฐบาลจะไม่เข้าซื้อ Bitcoin เพิ่มโดยตรง แต่ต่อมาได้ชี้แจงว่าแผนขยายคลังสำรองเชิงยุทธศาสตร์ (strategic reserve) ยังเดินหน้าต่อ แม้มีคำชี้แจงดังกล่าว Bitcoin ก็ยังร่วงมากกว่า 4% ในวันเดียว

ในฐานะสมอของระบบการเงินโลก แนวทางของสหรัฐฯ ต่อการถือสำรอง Bitcoin จะสะสมหรือไม่ และอย่างไร จึงกลายเป็นหนึ่งในประเด็นที่ตลาดคริปโตจับตาอย่างใกล้ชิด การตัดสินใจนี้ไม่เพียงส่งผลต่อมูลค่า Bitcoin แต่ยังอาจปรับโครงสร้างระเบียบการเงินโลกใหม่

ยุทธศาสตร์คลังสำรอง Bitcoin แบบ “ไม่เพิ่มภาระงบประมาณ” ของทรัมป์

เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2025 ประธานาธิบดี Donald Trump ประกาศบรรจุคริปโต 5 สกุลไว้ใน Strategic Crypto Reserve ได้แก่

  • Bitcoin (BTC)
  • Ethereum (ETH)
  • Ripple (XRP)
  • Solana (SOL)
  • Cardano (ADA)

วันที่ 7 มีนาคม ทรัมป์ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารให้โอน Bitcoin ประมาณ 200,000 BTC ที่ยึดได้จากคดีอาญาและแพ่งก่อนหน้านี้ เข้าสู่คลังสำรอง พร้อมมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลังศึกษาวิธีขยายคลังสำรองโดย “ไม่เพิ่มภาระงบประมาณ” (budget-neutral) David Sacks “Crypto Czar” แห่งทำเนียบขาว กล่าวยกย่องว่ามาตรการนี้ “ไม่ทำให้ผู้เสียภาษีต้องควักเงินแม้แต่สตางค์เดียว”

เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม Bessent ตอกย้ำความมุ่งมั่นแนวทาง budget-neutral โดยระบุว่า: “กระทรวงการคลังมุ่งศึกษาช่องทางที่ไม่เพิ่มภาระงบประมาณในการได้มาซึ่ง Bitcoin เพิ่ม และปฏิบัติตามคำมั่นของประธานาธิบดีที่จะทำให้สหรัฐฯ เป็นมหาอำนาจ Bitcoin ของโลก” อย่างไรก็ดี จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีแผน budget-neutral ใดถูกนำมาใช้จริง

altText

ทวีตที่ Bessant โพสต์ ที่มา: X

สหรัฐฯ มีทางเลือกสำรองใดบ้าง?

ปัจจุบัน กลยุทธ์ที่ใช้งานจริงมีเพียง “สะสมจากการยึดทรัพย์” แต่มีข้อเสนอแบบ budget-neutral หลายแนวทาง เช่น:

  • รับบริจาค
  • ใช้รายได้จากภาษีศุลกากร
  • ขายทองคำ (XAUUSD) หรือสำรองน้ำมัน (USOIL) เพื่อนำเงินไปซื้อ BTC

ผู้เขียน Adam Livingston เสนอให้จัดสรรส่วนหนึ่งของดุลการค้าเกินดุลรายเดือนเพื่อซื้อ Bitcoin ขณะเดียวกันเฟดก็เคยศึกษาการใช้กำไรจากการตีมูลค่าทองคำสำรองมาจัดหา BTC

กระนั้น ยังไม่มีคำตอบอย่างเป็นทางการ นักวิจารณ์อย่าง Arthur Hayes ผู้ร่วมก่อตั้ง BitMEX มองแผนสำรองนี้ว่าเป็นเพียง “วาทกรรม” ทางการเมืองที่ขาดการปฏิบัติจริง

ทำไมตลาดถึงสนใจมากขนาดนี้?

ยุทธศาสตร์สำรอง Bitcoin ของสหรัฐฯ คือ “ภาษานโยบาย” ที่ทรงพลัง วิธีการสะสมสะท้อนระดับความชอบธรรมเชิงสถาบันที่มอบให้กับ Bitcoin โดยกว้าง ๆ แบ่งได้เป็นสองแนวทาง:

ประเภทกลยุทธ์

แบบ “ซื้อจริง” (Purchase-Based)

แบบ “ไม่ซื้อโดยตรง” (Non-Purchase-Based)

วิธีการ

ใช้รายได้คลัง, ภาษีศุลกากร, ขายทอง/น้ำมัน

รับบริจาค, ยึดทรัพย์, ไมน์นิ่ง, ภาษีคริปโต

ความแรงของสัญญาณ

หนุนสุดขีด

รับรองในระดับปานกลาง

กลยุทธ์ต่อดอลลาร์

รุกคืบปกป้องบทบาทดอลลาร์ในโลกดิจิทัล

ตั้งรับ เปิดช่องให้คู่แข่งอย่างจีน/เกาหลี

ผลต่อตลาด

ดึง BTC ออกจากอุปทาน กดซัพพลาย หนุนให้ราคาสูงขึ้นเชิงโครงสร้าง

กระทบสภาพคล่องน้อย อิทธิพลต่อราคานุ่มนวล

การตีความของตลาด

Bitcoin ถูกยกระดับเป็นสินทรัพย์สำรองระดับรัฐ

Bitcoin เป็นการลงทุนที่มีหวัง ไม่ใช่เสาหลักการเงิน

ผลระดับโลก

บังคับแบงก์ชาติ/กองทุนความมั่งคั่งปรับพอร์ต เปิดศึก “Bitcoin race”

กระตุ้นสถาบันเข้ามาถือ แต่ไม่เร่งเร้าในระดับรัฐ

สรุป

ท้ายที่สุด “รูปแบบ” การสะสม Bitcoin ของสหรัฐฯ คือภาษานโยบายที่ทรงอิทธิพล กลยุทธ์ซื้อโดยตรงอาจเขย่าระเบียบการเงินโลก ขณะที่แนวทางเชิงรับจะตอกย้ำสถานะเดิม สำหรับนักลงทุน การเข้าใจ “วิธีที่สหรัฐฯ ลงมือทำ” สำคัญกว่าคำถามว่า “ทำหรือไม่ทำ” เสียอีก

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: เนื้อหาของบทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้น และไม่ได้สะท้อนท่าทีอย่างเป็นทางการของ Tradingkey ไม่ควรถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการอ้างอิงเท่านั้น และผู้อ่านไม่ควรตัดสินใจลงทุนโดยอิงจากเนื้อหาของบทความนี้เท่านั้น Tradingkey ไม่รับผิดชอบต่อผลการเทรดใด ๆ ที่เกิดจากการพึ่งพาบทความนี้ นอกจากนี้ Tradingkey ไม่สามารถรับประกันความถูกต้องของเนื้อหาบทความ ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนใดๆ ขอแนะนำให้ปรึกษาทางการเงินอิสระเพื่อทำความเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างถ่องแท้

บทความแนะนำ

KeyAI