ราคาโลหะเงิน (XAG/USD) ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่สาม โดยซื้อขายอยู่ที่ประมาณ $35.80 ในช่วงเช้าของวันศุกร์ในยุโรป ราคาโลหะมีค่าลดลงเนื่องจากนักเทรดทำกำไรและชำระตำแหน่งเพื่อลดการขาดทุนในสินทรัพย์อื่น
นอกจากนี้ โลหะมีค่า รวมถึงโลหะเงิน ยังดึงดูดผู้ขายเนื่องจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยที่ลดลง ซึ่งเกิดจากรายงานที่แสดงถึงการลดทอนคำพูดของสหรัฐฯ ต่ออิหร่าน การไม่มีการพัฒนาลบในแนวรบความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและอิสราเอลจนถึงขณะนี้ในวันศุกร์ ช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นในตลาดและฟื้นฟูความต้องการความเสี่ยง
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ รายงานว่าเขาจะให้โอกาสสุดท้ายแก่ อิหร่านในการเจรจาเพื่อยุติโครงการนิวเคลียร์ของตน ทรัมป์กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่าเขาจะเลื่อนการตัดสินใจขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับการโจมตีออกไปอีกสูงสุดสองสัปดาห์
โลหะเงินที่ไม่มีดอกเบี้ยอาจประสบปัญหา เนื่องจากประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ เตือนว่าความไม่แน่นอนทางนโยบายที่ยังคงมีอยู่จะทำให้เฟดยังคงอยู่ในสถานะคงอัตราดอกเบี้ย อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นมักสนับสนุนผลตอบแทนที่สูงขึ้น ดึงดูดนักลงทุนที่มองหาผลตอบแทนที่ดีกว่า
ในการแถลงข่าวหลังการประชุมเมื่อวันพุธ พาวเวลล์ยังกล่าวว่าเงินเฟ้อยังคงอยู่สูงกว่าที่ตั้งเป้าและอาจเพิ่มขึ้นในอนาคต เขาเน้นย้ำถึงความสำคัญของสถานะนโยบายปัจจุบันที่ทำให้ธนาคารกลางอยู่ในตำแหน่งที่ดี เฟดประกาศว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.5% ในเดือนมิถุนายนตามที่คาดไว้
นอกจากนี้ ธนาคารกลางจีน (PBOC) ตัดสินใจที่จะคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ผู้กู้ชั้นดี (LPR) ไว้ไม่เปลี่ยนแปลงในวันศุกร์ โดย LPR ระยะหนึ่งปีและห้าปีอยู่ที่ 3.00% และ 3.50% ตามลำดับ ราคาของโลหะเงินเผชิญกับความท้าทายเนื่องจากต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นในจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการผลิตอิเล็กทรอนิกส์ แผงโซลาร์เซลล์ และชิ้นส่วนรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ความต้องการในอุตสาหกรรมของจีนสำหรับโลหะเงินมีความสำคัญ
แร่เงินเป็นโลหะมีค่าที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนอย่างมากในหมู่นักลงทุน ในอดีต โลหะเงินถูกใช้เป็นสินทรัพย์สะสมมูลค่าและเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน แม้ว่าจะได้รับความนิยมน้อยกว่าทองคํา แต่นักลงทุนอาจหันไปใช้โลหะเงินเพื่อกระจายพอร์ตการลงทุนของตนเพื่อสะสมมูลค่า หรือเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่มีอัตราเงินเฟ้อสูง นักลงทุนสามารถซื้อโลหะเงินจริงในรูปแบบของเหรียญ ในรูปแบบของแท่งหรือซื้อขายผ่านตัวกลางเช่น Exchange Traded Funds ซึ่งอ้างอิงราคาโลหะเงินในตลาดต่างประเทศ
ราคาโลหะเงินสามารถเคลื่อนไหวได้จากปัจจัยหลายประการ ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์หรือความกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงอาจทําให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นจากสถานะสินทรัพย์ปลอดภัย แม้ว่าจะได้รับความสนใจน้อยกว่าทองคําก็ตาม ในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทน โลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง การเคลื่อนไหวของโลหะเงินยังขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของดอลลาร์สหรัฐ (USD) เพราะสินทรัพย์โลหะเงินซื้อขายด้วยราคาเป็นดอลลาร์ (XAGUSD) ดอลลาร์ที่แข็งค่ามีแนวโน้มที่จะรักษาราคาโลหะเงินไว้ แต่หากดอลลาร์อ่อนค่าลง มีแนวโน้มที่จะผลักดันราคาโลหะเงินให้สูงขึ้น ปัจจัยอื่นๆ เช่น อุปสงค์การลงทุน อุปทานการขุด (โลหะเงินมีมากกว่าทองคํามาก) และอัตราการนำกลับมาใช้ก็อาจส่งผลต่อราคาโลหะเงินได้เช่นกัน
โลหะเงินมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนต่างๆ เช่น อิเล็กทรอนิกส์หรือพลังงานแสงอาทิตย์ เนื่องจากโลหะเงินสามารถนําไฟฟ้าได้สูงที่สุดชนิดหนึ่งเมื่อเทียบกับโลหะทั้งหมด มากกว่าทองแดงและทองคํา ความต้องการโลหะที่เพิ่มขึ้นสามารถทำให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นได้ การเปลี่ยนแปลงในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จีน และอินเดียยังสามารถส่งผลต่อการแกว่งตัวของราคาโลหะเงิน ในสหรัฐฯ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจีน ภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของพวกเขาใช้โลหะเงินในกระบวนการต่างๆ ในอินเดีย ความต้องการโลหะมีค่าของผู้บริโภคเพื่อเอาไปสร้างเครื่องประดับก็มีบทบาทสําคัญในการกําหนดราคาโลหะเงินเช่นกัน
ราคาโลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวตามราคาทองคํา เมื่อราคาทองคําสูงขึ้น โลหะเงินมักจะเคลื่อนไหวามความเหมาะสม อย่างไรก็ตาม สถานะของสินทรัพย์ทั้งสองไม่ได้อยู่ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีความคล้ายคลึงกัน อัตราส่วนเปรียบเทียบทองคําและโลหะเงินจะให้ข้อมูลของจํานวนออนซ์ของโลหะเงินที่จําเป็นเพื่อให้เท่ากับมูลค่าของทองคําหนึ่งออนซ์ อัตราส่วนเปรียบทียบนี้อาจช่วยในการกําหนดการประเมินมูลค่าสัมพัทธ์ระหว่างโลหะทั้งสอง นักลงทุนบางคนอาจพิจารณาว่าหากอัตราส่วนนี้สูง จะหมายความว่าโลหะเงินมีมูลค่าต่ำเกินไป หรือทองคํามีมูลค่าสูงเกินไป ในทางตรงกันข้าม อัตราส่วนที่ต่ำอาจบ่งบอกว่าทองคํามีมูลค่าต่ำกินไปเมื่อเทียบกับโลหะเงิน