NZD/USD ฟื้นตัวจากการอ่อนค่าลงในรายวัน โดยซื้อขายที่บริเวณระดับ 0.5970 ในช่วงเซสชั่นยุโรปในวันจันทร์ ดอลลาร์สหรัฐ (USD) ได้รับแรงหนุนเนื่องจากความระมัดระวังของตลาดในช่วงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กําลังจะเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน
ในช่วงสามสัปดาห์ที่ผ่านมา พันธมิตรของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ต้องเผชิญกับความพ่ายแพ้ในศาลอย่างน้อย 10 คดีในรัฐสมรภูมิที่สําคัญ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผลการเลือกตั้งในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ ระหว่างทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันและรองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต
ความเสี่ยงด้านลบสําหรับคู่ NZD/USD ได้เพิ่มขึ้นเนื่องจากดอลลาร์สหรัฐ (USD) แข็งค่าขึ้นจากข้อมูลเศรษฐกิจเชิงบวกล่าสุดจากสหรัฐฯ (US) ซึ่งได้กระตุ้นความคาดหวังสําหรับท่าทีที่ระมัดระวังมากขึ้นจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในเดือนพฤศจิกายน
ดอลลาร์สหรัฐฯ ได้รับแรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่สูงขึ้น โดยดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) ซึ่งวัดมูลค่าของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุล กำลังวิ่งซื้อขายที่บริเวณ 104.30 โดยมีอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 2 ปีและ 10 ปีอยู่ที่ระดับ 4.12% และ 4.28% ตามลําดับ ณ เวลาที่เขียนข่าวนี้
ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) กำลังเผชิญกับแรงกดดันเนื่องจากธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) คาดการณ์ว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 50 จุดพื้นฐานในการประชุมนโยบายครั้งสุดท้ายของปีนี้ในเดือนพฤศจิกายน ส่วนตลาดยังคงมองถึงโอกาสในการลดดอกเบี้ย 75 จุดที่อาจเกิดขึ้นได้
ในขณะเดียวกัน เหลียว หมิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังของจีนประกาศเมื่อวันจันทร์ว่า ประเทศจีนจะเพิ่มการปรับนโยบายเศรษฐกิจมหภาคเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในไตรมาสที่สี่ พัฒนาการเชิงบวกจากความคิดเชิงรุกเหล่านี้อาจช่วยหนุนสกุลเงิน NZD ไว้ได้ เนื่องจากจีนมีความสําคัญในฐานะคู่ค้ารายใหญ่ของนิวซีแลนด์
ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) หรือที่เรียกกันในชื่อเล่นว่ากีวี เป็นสกุลเงินที่ซื้อขายกันดีในหมู่นักลงทุน มูลค่าของสกุลเงินดังกล่าวถูกกําหนดโดยความแข็งแรงของเศรษฐกิจนิวซีแลนด์และนโยบายจากธนาคารกลางภายในประเทศ ถึงกระนั้น ก็มีปัจจัยเฉพาะบางอย่างที่สามารถทําให้ NZD เคลื่อนไหวได้อย่างเช่น ผลการดําเนินงานของเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มที่จะขยับราคากีวี เนื่องจากจีนเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของนิวซีแลนด์ เช่นหากมีข่าวร้ายสําหรับเศรษฐกิจจีนก็มักจะหมายถึงการส่งออกของนิวซีแลนด์ไปยังประเทศจีนที่จะน้อยลง และส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจและค่าเงิน อีกปัจจัยหนึ่งที่ทําให้ NZD เคลื่อนไหวอย่างเจาะจงคือราคานม เนื่องจากอุตสาหกรรมนมเป็นสินค้าส่งออกหลักของนิวซีแลนด์ ราคานมที่สูงช่วยเพิ่มรายได้จากการส่งออก ซึ่งเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจและต่อสกุลเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์
ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) ตั้งเป้าที่จะบรรลุและรักษาอัตราเงินเฟ้อระหว่าง 1% ถึง 3% ในระยะกลาง โดยมุ่งเน้นที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ใกล้จุดกึ่งกลางที่ 2% ด้วยเหตุนี้ธนาคารจึงจะกําหนดระดับอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม เมื่ออัตราเงินเฟ้อสูงเกินไป RBNZ จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเพื่อทําให้เศรษฐกิจเย็นตัวลง แล้วการดำเนินการดังกล่าวจะทําให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้นเพิ่มความน่าสนใจของนักลงทุนที่จะลงทุนในประเทศและช่วยหนุนค่าเงิน NZD ในทางตรงกันข้าม อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงมีแนวโน้มที่จะทำให้ NZD อ่อนค่าลง ด้านส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยหรือที่เรียกว่า Rate Differential ในนิวซีแลนด์คือระดับของอัตราดอกเบี้ยในนิวซีแลนด์หรือที่ธนาคารกลางคาดการณ์ เทียบกับอัตราดอกเบี้ยที่เป็นหรือกําหนดโดยธนาคารกลางสหรัฐ ยังสามารถมีบทบาทสําคัญในการขยับคู่เงิน NZD/USD
การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจระดับมหภาคในนิวซีแลนด์เป็นกุญแจสําคัญในการประเมินสถานะทางเศรษฐกิจและอาจส่งผลกระทบต่อการประเมินมูลค่าของดอลลาร์นิวซีแลนด์ได้ เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งบนพื้นฐานของการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง การว่างงานต่ำและความเชื่อมั่นนักลงทุนที่สูงเป็นปัจจัยบวกสําหรับ NZD การเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและอาจกระตุ้นให้ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจนี้มาพร้อมกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ในทางกลับกันหากข้อมูลเศรษฐกิจอ่อนแอ สกุลเงิน NZD ก็มีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลง
ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) มีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นในช่วงที่ต้องมีความกล้าเสี่ยง หรือแม้เมื่อนักลงทุนรับรู้ว่าความกล้าเสี่ยงของด้านตลาดในวงกว้างอยู่ในระดับต่ำแต่มีการมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับอนาคตการเติบโต สถานการณ์นี้ก็มีแนวโน้มที่จะนําไปสู่แนวโน้มเชิงบวกมากขึ้นสําหรับสินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ และสกุลเงินแบบที่เรียกว่า 'สกุลเงินสายสินค้าโภคภัณฑ์' อย่างเช่นกีวีด้วย NZD มีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลงในช่วงเวลาที่ตลาดปั่นป่วนหรือมีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ เนื่องจากนักลงทุนมักจะขายสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงและหลบไปถือสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีเสถียรภาพมากกว่า