NZD/USD ฟื้นตัวได้จากการอ่อนตัวลงล่าสุดบางส่วน โดยซื้อขายที่บริเวณระดับ 0.6040 ในช่วงเซสชั่นเอเชียของวันอังคาร อย่างไรก็ตามสกุลเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) เผชิญกับแรงกดดันได้ เนื่องจากโอกาสที่ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) จะลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในเดือนพฤศจิกายนได้เพิ่มขึ้นเพราะอัตราเงินเฟ้อที่ผ่อนคลายลงและผลลัพท์เชิงเศรษฐกิจยังคงซบเซา
ในเดือนกันยายน ตัวเลขดุลการค้ารายเดือนของนิวซีแลนด์ขาดดุลอยู่ที่ 2.1 พันล้านดอลลาร์ โดยการส่งออกเพิ่มขึ้น 246 ล้านดอลลาร์ (5.2%) มาเป็น 5.0 พันล้านดอลลาร์ ในขณะที่การนําเข้าลดลง 67 ล้านดอลลาร์ (0.9%) มาเป็น 7.1 พันล้านดอลลาร์
สกุลเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์อาจได้รับปัจจัยนุนหลังจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของจีนในวันจันทร์ เพราะในฐานะคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของนิวซีแลนด์ การตัดสินใจของจีนที่จะลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 1 ปี (LPR) ลงเหลือ 3.10% จากที่ 3.35% และลด LPR อายุ 5 ปีมาเป็น 3.60% จาก 3.85% อาจกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศจีนได้ ซึ่งอาจกระตุ้นความต้องการส่งออกของนิวซีแลนด์ตามมา
ดอลลาร์สหรัฐ (USD) ได้รับแรงหนุนหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่พุ่งสูงขึ้นกว่า 2% ในวันจันทร์ ในขณะที่เขียนข่าวนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 2 ปีและ 10 ปีวิ่งอยู่ที่ 4.02% และ 4.18% ตามลําดับ การเพิ่มขึ้นนี้ได้รับแรงหนุนจากสัญญาณของความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจและความกังวลที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับการกลับมาของอัตราเงินเฟ้อที่อาจเกิดขึ้นได้ในสหรัฐอเมริกา
ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดปัดตกความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยขนาดใหญ่ในเดือนพฤศจิกายนซ้ำ จากข้อมูลของ CME FedWatch Tool ตลาดมองโอกาสที่จะเห็นการลดอัตราดอกเบี้ย 25 จุดพื้นฐานในเดือนพฤศจิกายนอยู่ที่ 89.1% โดยไม่มีการคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยขนาดใหญ่ที่ที่ 50 จุดพื้นฐานแล้ว
Neel Kashkari ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ แห่งมินนิอาโปลิสได้เน้นย้ำเมื่อวันจันทร์ว่า เฟดกําลังติดตามตลาดแรงงานสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิดเพื่อหาสัญญาณของความไม่มั่นคงอย่างรวดเร็วใด ๆ Kashkari เตือนนักลงทุนให้คาดการณ์การลดอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปในไตรมาสต่อ ๆ ไป โดยชี้ให้เห็นว่าการผ่อนคลายทางการเงินใด ๆ มีแนวโน้มที่จะอยู่ในระดับปานกลาง มากกว่าที่จะเป็นการดำเนินการในเชิงรุก
ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) หรือที่เรียกกันในชื่อเล่นว่ากีวี เป็นสกุลเงินที่ซื้อขายกันดีในหมู่นักลงทุน มูลค่าของสกุลเงินดังกล่าวถูกกําหนดโดยความแข็งแรงของเศรษฐกิจนิวซีแลนด์และนโยบายจากธนาคารกลางภายในประเทศ ถึงกระนั้น ก็มีปัจจัยเฉพาะบางอย่างที่สามารถทําให้ NZD เคลื่อนไหวได้อย่างเช่น ผลการดําเนินงานของเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มที่จะขยับราคากีวี เนื่องจากจีนเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของนิวซีแลนด์ เช่นหากมีข่าวร้ายสําหรับเศรษฐกิจจีนก็มักจะหมายถึงการส่งออกของนิวซีแลนด์ไปยังประเทศจีนที่จะน้อยลง และส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจและค่าเงิน อีกปัจจัยหนึ่งที่ทําให้ NZD เคลื่อนไหวอย่างเจาะจงคือราคานม เนื่องจากอุตสาหกรรมนมเป็นสินค้าส่งออกหลักของนิวซีแลนด์ ราคานมที่สูงช่วยเพิ่มรายได้จากการส่งออก ซึ่งเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจและต่อสกุลเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์
ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) ตั้งเป้าที่จะบรรลุและรักษาอัตราเงินเฟ้อระหว่าง 1% ถึง 3% ในระยะกลาง โดยมุ่งเน้นที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ใกล้จุดกึ่งกลางที่ 2% ด้วยเหตุนี้ธนาคารจึงจะกําหนดระดับอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม เมื่ออัตราเงินเฟ้อสูงเกินไป RBNZ จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเพื่อทําให้เศรษฐกิจเย็นตัวลง แล้วการดำเนินการดังกล่าวจะทําให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้นเพิ่มความน่าสนใจของนักลงทุนที่จะลงทุนในประเทศและช่วยหนุนค่าเงิน NZD ในทางตรงกันข้าม อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงมีแนวโน้มที่จะทำให้ NZD อ่อนค่าลง ด้านส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยหรือที่เรียกว่า Rate Differential ในนิวซีแลนด์คือระดับของอัตราดอกเบี้ยในนิวซีแลนด์หรือที่ธนาคารกลางคาดการณ์ เทียบกับอัตราดอกเบี้ยที่เป็นหรือกําหนดโดยธนาคารกลางสหรัฐ ยังสามารถมีบทบาทสําคัญในการขยับคู่เงิน NZD/USD
การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจระดับมหภาคในนิวซีแลนด์เป็นกุญแจสําคัญในการประเมินสถานะทางเศรษฐกิจและอาจส่งผลกระทบต่อการประเมินมูลค่าของดอลลาร์นิวซีแลนด์ได้ เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งบนพื้นฐานของการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง การว่างงานต่ำและความเชื่อมั่นนักลงทุนที่สูงเป็นปัจจัยบวกสําหรับ NZD การเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและอาจกระตุ้นให้ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจนี้มาพร้อมกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ในทางกลับกันหากข้อมูลเศรษฐกิจอ่อนแอ สกุลเงิน NZD ก็มีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลง
ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) มีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นในช่วงที่ต้องมีความกล้าเสี่ยง หรือแม้เมื่อนักลงทุนรับรู้ว่าความกล้าเสี่ยงของด้านตลาดในวงกว้างอยู่ในระดับต่ำแต่มีการมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับอนาคตการเติบโต สถานการณ์นี้ก็มีแนวโน้มที่จะนําไปสู่แนวโน้มเชิงบวกมากขึ้นสําหรับสินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ และสกุลเงินแบบที่เรียกว่า 'สกุลเงินสายสินค้าโภคภัณฑ์' อย่างเช่นกีวีด้วย NZD มีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลงในช่วงเวลาที่ตลาดปั่นป่วนหรือมีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ เนื่องจากนักลงทุนมักจะขายสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงและหลบไปถือสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีเสถียรภาพมากกว่า