คู่ NZD/USD ปรับตัวสูงขึ้นเข้าใกล้ระดับ 0.6210 ในช่วงเซสชั่นการซื้อขายของเอเชียในวันอังคาร โดยท่าทีที่แสดงความผ่อนคลายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และการคาดการณ์ถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งขึ้นยังคงกดดันค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) ในวงกว้าง เทรดเดอร์จะติดตามการรายงานข้อมูลสําคัญ ๆ ของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด ซึ่งรวมถึงรายงานผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขั้นสูงสําหรับไตรมาสที่สอง (Q2) และข้อมูลดัชนีราคารายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งจะมีกําหนดการรายงานในปลายสัปดาห์นี้
Mary Daly ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโกกล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า เธอเชื่อว่าเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่เฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย ข้อความที่แสดงจุดยืนผ่อนคลายของเธอสะท้อนถ้อยแถลงความคิดเห็นจากประธานเฟด Jerome Powell ในการประชุมสัมมนาที่ Jackson Hole เมื่อวันศุกร์ ประธานพาวเวลล์ได้สรุปแล้วว่าเฟดได้ลดระดับอัตราเงินเฟ้อลงแล้วในขณะที่พยายามคงความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานไว้ ตลาดการเงินตอนนี้ได้ประเมินราคาอย่างเต็ม 100% แล้วในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ 25 จุดพื้นฐาน (bps) ในขณะที่โอกาสที่จะลดอัตราดอกเบี้ยที่มากกว่านี้ถูกประเมินอยู่ที่โอกาส 30% ลดลงจาก 36.5% เมื่อวันศุกร์ที่แล้วตามข้อมูลของเครื่องมือ CME FedWatch Tool
ในฝั่งของนิวซีแลนด์ ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) ได้เริ่มต้นฝั่งวงจรการผ่อนคลายนโยบายแล้ว โดยได้ทำการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (OCR) ลงเหลือ 5.25% ในเดือนสิงหาคม เทรดเดอร์คาดว่าธนาคารกลางนิวซีแลนด์จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีก 25 จุดพื้นฐาน (bps) ในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายนต่อไป ซึ่งในทางกลับกัน การดำเนินการดังกล่าวอาจดึงค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) ให้ต่ำลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้ ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่กําลังดําเนินอยู่ในตะวันออกกลางอาจช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเงินทุนไปสู่สินทรัพย์ปลอดภัย ซึ่งเป็นอานิสงส์ต่อสกุลเงิน USD โดยมีรายงานว่าพล.อ. C.Q. Brown ประธานคณะเสนาธิการร่วมของกองทัพอากาศสหรัฐฯ กล่าวเมื่อเช้าวันอังคารว่าความกังวลต่อสถานการณ์สงครามตะวันออกกลางในวงกว้างในระยะสั้นได้ลดลง หลังจากอิสราเอลและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ของเลบานอนยิงตอบโต้กันโดยไม่ได้บานปลายไปอีก อย่างไรก็ตามท่านนายพลระดับสูงของสหรัฐฯ ก็ได้เตือนว่า "อิหร่านยังคงเป็นภัยคุกคามอยู่อย่างมาก เนื่องจากอาจกำลังประเมินน้ำหนักของการโจมตีตอบโต้ต่ออิสราเอล" ตามรายงานของรอยเตอร์
ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) หรือที่เรียกกันในชื่อเล่นว่ากีวี เป็นสกุลเงินที่ซื้อขายกันดีในหมู่นักลงทุน มูลค่าของสกุลเงินดังกล่าวถูกกําหนดโดยความแข็งแรงของเศรษฐกิจนิวซีแลนด์และนโยบายจากธนาคารกลางภายในประเทศ ถึงกระนั้น ก็มีปัจจัยเฉพาะบางอย่างที่สามารถทําให้ NZD เคลื่อนไหวได้อย่างเช่น ผลการดําเนินงานของเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มที่จะขยับราคากีวี เนื่องจากจีนเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของนิวซีแลนด์ เช่นหากมีข่าวร้ายสําหรับเศรษฐกิจจีนก็มักจะหมายถึงการส่งออกของนิวซีแลนด์ไปยังประเทศจีนที่จะน้อยลง และส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจและค่าเงิน อีกปัจจัยหนึ่งที่ทําให้ NZD เคลื่อนไหวอย่างเจาะจงคือราคานม เนื่องจากอุตสาหกรรมนมเป็นสินค้าส่งออกหลักของนิวซีแลนด์ ราคานมที่สูงช่วยเพิ่มรายได้จากการส่งออก ซึ่งเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจและต่อสกุลเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์
ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) ตั้งเป้าที่จะบรรลุและรักษาอัตราเงินเฟ้อระหว่าง 1% ถึง 3% ในระยะกลาง โดยมุ่งเน้นที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ใกล้จุดกึ่งกลางที่ 2% ด้วยเหตุนี้ธนาคารจึงจะกําหนดระดับอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม เมื่ออัตราเงินเฟ้อสูงเกินไป RBNZ จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเพื่อทําให้เศรษฐกิจเย็นตัวลง แล้วการดำเนินการดังกล่าวจะทําให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้นเพิ่มความน่าสนใจของนักลงทุนที่จะลงทุนในประเทศและช่วยหนุนค่าเงิน NZD ในทางตรงกันข้าม อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงมีแนวโน้มที่จะทำให้ NZD อ่อนค่าลง ด้านส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยหรือที่เรียกว่า Rate Differential ในนิวซีแลนด์คือระดับของอัตราดอกเบี้ยในนิวซีแลนด์หรือที่ธนาคารกลางคาดการณ์ เทียบกับอัตราดอกเบี้ยที่เป็นหรือกําหนดโดยธนาคารกลางสหรัฐ ยังสามารถมีบทบาทสําคัญในการขยับคู่เงิน NZD/USD
การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจระดับมหภาคในนิวซีแลนด์เป็นกุญแจสําคัญในการประเมินสถานะทางเศรษฐกิจและอาจส่งผลกระทบต่อการประเมินมูลค่าของดอลลาร์นิวซีแลนด์ได้ เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งบนพื้นฐานของการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง การว่างงานต่ำและความเชื่อมั่นนักลงทุนที่สูงเป็นปัจจัยบวกสําหรับ NZD การเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและอาจกระตุ้นให้ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจนี้มาพร้อมกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ในทางกลับกันหากข้อมูลเศรษฐกิจอ่อนแอ สกุลเงิน NZD ก็มีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลง
ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) มีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นในช่วงที่ต้องมีความกล้าเสี่ยง หรือแม้เมื่อนักลงทุนรับรู้ว่าความกล้าเสี่ยงของด้านตลาดในวงกว้างอยู่ในระดับต่ำแต่มีการมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับอนาคตการเติบโต สถานการณ์นี้ก็มีแนวโน้มที่จะนําไปสู่แนวโน้มเชิงบวกมากขึ้นสําหรับสินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ และสกุลเงินแบบที่เรียกว่า 'สกุลเงินสายสินค้าโภคภัณฑ์' อย่างเช่นกีวีด้วย NZD มีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลงในช่วงเวลาที่ตลาดปั่นป่วนหรือมีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ เนื่องจากนักลงทุนมักจะขายสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงและหลบไปถือสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีเสถียรภาพมากกว่า