tradingkey.logo

EURUSD ปรับตัวลดลงต่อไปวิ่งใกล้ 1.0900 จากการฟื้นตัวของดอลลาร์สหรัฐ

FXStreet7 ส.ค. 2024 เวลา 6:21
  • ในตลาดลงทุนเอเชียวันพุธ EURUSD เคลื่อนไหวในแดนลบเป็นวันที่สองติดต่อกันที่บริเวณ 1.0915
  • เทรดเดอร์คาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายนปีนี้
  • รายงานยอดค้าปลีกเดือนมิถุนายนของยูโรโซนที่น่าผิดหวังสร้างแรงกดดันขายเงินยูโร 

ในตลาดลงทุนเอเชียวันพุธ คู่ EURUSD ปรับตัวลดลงไปวิ่งใกล้ 1.0915 หลังถอยกลับจากระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือนที่ระดับราคาเกือบ 1.1008 ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) ที่แข็งค่าขึ้นทําให้คู่สกุลเงินหลักอ่อนค่าลง นักลงทุนรอการเปิดเผยข้อมูลตัวเลขดุลการค้า และการผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนมิถุนายนจากเยอรมนี ซึ่งจะประกาศในวันนี้
 
ความเชื่อมั่นด้านการลงทุนกับความเสี่ยงที่ฟื้นตัว และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่สูงขึ้นเป็นการสนับสนุนเงินดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่รุ่นแรงมากขึ้น โดยจะเริ่มต้นในเดือนกันยายน ปัจจัยนี้อาจจํากัดขาขึ้นของ USD และสร้างแรงหนุนให้กับ EURUSD ตามข้อมูลของเครื่องมือ CME FedWatch ตลาดเชื่อว่ามีโอกาส 69.5% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 50 จุดเบสิส (bps) ในเดือนกันยายน เพิ่มขึ้นจาก 13.2% ในสัปดาห์ที่แล้ว

สำหรับการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของอเมริกา ตามรายงานของสํานักสํารวจสํามะโนประชากรสหรัฐฯ เมื่อวันอังคารระบุว่าการขาดดุลการค้าลดลงเหลือ 73.1 พันล้านดอลลาร์ในเดือนมิถุนายน เนื่องจากมูลค่าการส่งออกสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ต้นปีนี้

ข้ามไปที่ยุโรป หลักฐานตัวเลขเศรษฐกิจยูโรโซนที่ซบเซามากขึ้นสร้างแรงกดดันขายเงินยูโร (EUR) ข้อมูลที่ประกาศโดย Eurostat เปิดเผยเมื่อวันอังคารว่ายอดค้าปลีกของยูโรโซนในเดือนมิถุนายนลดลง 0.3% อย่างไม่คาดคิด เทียบกับการเพิ่มขึ้น 0.5% ก่อนหน้านี้ และที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1% 

สกุลเงินยูโร (EUR): คําถามที่พบบ่อย

 

ยูโรคืออะไร?


ยูโรเป็นสกุลเงินสําหรับ 20 ประเทศในสหภาพยุโรปที่อยู่ในยูโรโซน เป็นสกุลเงินที่มีการซื้อขายมากเป็นอันดับสองของโลกรองจากดอลลาร์สหรัฐ โดยในปี 2022 คิดเป็น 31% ของธุรกรรมแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศทั้งหมด โดยมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันมากกว่า 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ต่อวัน คู่เงิน EUR/USD เป็นคู่สกุลเงินที่มีการซื้อขายมากที่สุดในโลกโดยคิดเป็นประมาณ 30% จากธุรกรรมทั้งหมด ตามด้วย EUR/JPY (4%), EUR/GBP (3%) และ EUR/AUD (2%)
 

ECB คืออะไรและส่งผลกระทบต่อเงินยูโรอย่างไร?


ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี เป็นธนาคารกลางของยูโรโซน โดยทาง ECB ทำการกําหนดอัตราดอกเบี้ยและจัดการนโยบายการเงิน หน้าที่หลักของ ECB คือการรักษาเสถียรภาพด้านราคาซึ่งหมายถึงการควบคุมอัตราเงินเฟ้อหรือกระตุ้นการเติบโต เครื่องมือหลักคือการเพิ่มหรือลดอัตราดอกเบี้ย อัตราดอกเบี้ยที่ค่อนข้างสูง – หรือความคาดหวังของอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น – มักจะเป็นอานิสงส์ต่อค่าเงินยูโรและในทางกลับกันด้วย  สมาชิกสภาปกครองของ ECB ทําการตัดสินใจนโยบายการเงินในการประชุมที่จัดขึ้นแปดครั้งต่อหนึ่งปี การตัดสินใจทําโดยหัวหน้าธนาคารแห่งชาติยูโรโซนและสมาชิกถาวรหกคน ซึ่งรวมถึงประธาน Christine Lagarde ของ ECB เองด้วย
 

ข้อมูลเงินเฟ้อส่งผลกระทบต่อมูลค่าของเงินยูโรอย่างไร?


ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนซึ่งวัดโดยดัชนีราคาผู้บริโภคที่สอดคล้องกันภายใน (HICP) เป็นเศรษฐมิติที่สําคัญสําหรับเงินยูโร หากอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของ ECB จะทําให้ ECB ต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมอัตราดอกเบี้ยให้ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ โดยมักจะเป็นอานิสงส์ต่อค่าเงินยูโร เนื่องจากทําให้ภูมิภาคนี้น่าดึงดูดยิ่งขึ้นในฐานะสถานที่สําหรับนักลงทุนทั่วโลกในการพักเงินของพวกเขา
 

ข้อมูลทางเศรษฐกิจมีอิทธิพลต่อมูลค่าของเงินยูโรอย่างไร?


การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจจะวัดสุขภาพของเศรษฐกิจและอาจส่งผลกระทบต่อเงินยูโรได้ ตัวชี้วัดต่าง ๆ เช่น GDP, ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการ การจ้างงาน และการสํารวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ล้วนมีอิทธิพลต่อทิศทางของสกุลเงินยูโร เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเป็นสิ่งที่ดีสําหรับค่าเงินยูโร ไม่เพียงแต่เป็นการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศมากขึ้น แต่ยังอาจกระตุ้นให้ ECB ต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยซึ่งจะทําให้เงินยูโรแข็งค่าขึ้นโดยตรง  โดยกลับกัน หากข้อมูลเศรษฐกิจอ่อนแอ ค่าเงินยูโรก็มีแนวโน้มที่จะลดระดับลง ข้อมูลเศรษฐกิจสําหรับประเทศฐานเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดสี่แห่งในเขตยูโร (ได้แก่ เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี และสเปน) มีความสําคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากคิดเป็น 75% ของปริมาณเศรษฐกิจในยูโรโซน
 

ตัวเลขดุลการค้าส่งผลกระทบต่อเงินยูโรอย่างไร?


การเปิดเผยข้อมูลที่สําคัญอีกประการหนึ่งสําหรับเงินยูโรคือดุลการค้า ตัวบ่งชี้นี้วัดความแตกต่างระหว่างสิ่งที่ประเทศได้รับจากการส่งออกและจำนวนการใช้จ่ายในการนําเข้าในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ ที่กําหนด  หากประเทศใดผลิตสินค้าส่งออกที่เป็นที่ต้องการอย่างมากสกุลเงินของประเทศนั้นจะได้รับมูลค่าจากความต้องการเป็นพิเศษที่สร้างขึ้นจากผู้ซื้อต่างชาติที่ต้องการซื้อสินค้าเหล่านี้ ดังนั้นยอดดุลการค้าสุทธิที่เป็นบวกทําให้สกุลเงินแข็งแกร่งขึ้น และในทางกลับกันสําหรับยอดดุลการค้าที่ติดลบก็จะส่งผลให้สกุลเงินอ่อนค่าลง
 
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลที่ให้ไว้บนเว็บไซต์นี้มีไว้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการศึกษาและให้ข้อมูลเท่านั้น และไม่ควรถือเป็นคำแนะนำทางการเงินหรือการลงทุน

บทความที่เกี่ยวข้อง

KeyAI