นี่คือสิ่งที่คุณต้องรู้ในการลงทุนในวันพุธที่ 19 มิถุนายน:
เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยในช่วงเช้าวันพุธ เนื่องจากนักลงทุนทำการประเมินข้อมูลเงินเฟ้อในเดือนพฤษภาคมก่อนการประกาศนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในวันพฤหัสบดี ปฏิทินเศรษฐกิจไม่มีการเปิดเผยข้อมูลระดับสูงใด ๆ และตลาดการเงินในสหรัฐฯ จะปิดทําการอีกด้วย เนื่องจากเป็นวันหยุดวัน Juneteenth
สํานักงานสถิติแห่งชาติของสหราชอาณาจักร (ONS) รายงานว่าอัตราเงินเฟ้อซึ่งวัดจากการเปลี่ยนแปลงของดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ลดลงมาเป็น 2% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนพฤษภาคมจาก 2.3% ในเดือนเมษายน ตัวเลขรายงานนี้สอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด ด้านดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานที่ผันผวน เพิ่มขึ้น 3.5% ในช่วงเวลาเดียวกัน ในขณะที่ดัชนีราคาขายปลีกเพิ่มขึ้น 3% แม้ว่าตัวเลขค่าเงินเฟ้อจะอ่อนลง แต่คู่ GBP/USD ก็ขยับสูงขึ้นและซื้อขายล่าสุดใกล้ระดับ 1.2720
อัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหราชอาณาจักรลดลงเหลือ 2.0% YoY ในเดือนพฤษภาคม กลับสู่เป้าหมายของ BoE
ตารางด้านล่างแสดงเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของปอนด์สเตอร์ลิง (GBP) เทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ที่ระบุไว้ในวันนี้ ปอนด์สเตอร์ลิงแข็งค่าขึ้นที่สุดเมื่อเทียบกับดอลลาร์นิวซีแลนด์
USD | EUR | GBP | JPY | CAD | AUD | NZD | CHF | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
USD | 0.09% | -0.11% | -0.09% | 0.01% | -0.23% | 0.10% | -0.08% | |
EUR | -0.09% | -0.21% | -0.17% | -0.09% | -0.31% | 0.03% | -0.17% | |
GBP | 0.11% | 0.21% | 0.02% | 0.12% | -0.11% | 0.23% | 0.05% | |
JPY | 0.09% | 0.17% | -0.02% | 0.10% | -0.13% | 0.21% | 0.02% | |
CAD | -0.01% | 0.09% | -0.12% | -0.10% | -0.24% | 0.08% | -0.08% | |
AUD | 0.23% | 0.31% | 0.11% | 0.13% | 0.24% | 0.36% | 0.17% | |
NZD | -0.10% | -0.03% | -0.23% | -0.21% | -0.08% | -0.36% | -0.19% | |
CHF | 0.08% | 0.17% | -0.05% | -0.02% | 0.08% | -0.17% | 0.19% |
แผนที่ความร้อนแสดงเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของสกุลเงินหลักเมื่อเทียบกัน สกุลเงินหลักจะถูกเลือกจากคอลัมน์ด้านซ้าย ในขณะที่สกุลเงินอ้างอิงจะถูกเลือกจากแถวบนสุด ตัวอย่างเช่น หากคุณเลือก ปอนด์สเตอร์ลิง จากคอลัมน์ด้านซ้าย และเลื่อนไปตามเส้นแนวนอนไปยังดอลลาร์สหรัฐ เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงที่แสดงในกล่องจะแสดงถึง GBP (สกุลเงินหลัก)/USD (สกุลเงินรอง)
ดอลลาร์สหรัฐ (USD) พยายามรวบรวมโมเมนตัมความแข็งแกร่งในวันอังคารได้ หลังจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคที่ออกมาสองทาง และรายงานความคิดเห็นจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยอดค้าปลีกในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดไว้ในเดือนพฤษภาคมแต่การผลิตภาคอุตสาหกรรมเติบโตในอัตราที่เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ ด้านดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับตัวขาลงเล็กน้อยในวันนี้ แต่ทรงตัวได้เหนือ 105.00 ได้อย่างสบาย ๆ ในช่วงเช้าวันพุธ ดัชนีดอลลาร์ผันผวนในกรอบแคบอยู่ที่บริเวณระดับ 105.30
EUR/USD ไต่ขึ้นสู่ระดับสูงสุดรายวันเหนือ 1.0760 แต่ไม่สามารถรวบรวมโมเมนตัมขาขึ้นได้ คู่สกุลเงินดังกล่าวอยู่ภายใต้แรงกดดันขาลงเล็กน้อยและซื้อขายต่ำกว่าระดับ 1.0750 ในช่วงเช้าของตลาดยุโรปในวันพุธ
รายงานการประชุมนโยบายเดือนเมษายนของธนาคารกลางญี่ปุ่นแสดงให้เห็นว่า ผู้กําหนดนโยบายได้เริ่มหารือกันว่าการอ่อนค่าของเงินเยนญี่ปุ่นเมื่อเร็ว ๆ นี้อาจส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอย่างไรบ้าง ข้อมูลจากญี่ปุ่นแสดงให้เห็นว่าการส่งออกเพิ่มขึ้น 13.5% ต่อปีในเดือนพฤษภาคม ในขณะที่การนําเข้าเพิ่มขึ้น 9.5% โดยหลังจากปิดกราฟการซื้อขายสี่วันที่ผ่านมาในแดนบวก วันนี้คู่ USD/JPY ขยับต่ำลงและซื้อขายใต้ระดับ 158.00 ในช่วงเช้าของตลาดยุโรปในวันพุธ
ราคาทองคําปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยในวันอังคาร เมื่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีไม่สามารถขยายตัวจากการดีดตัวขึ้นในวันจันทร์ได้ XAU/USD วิ่งอยู่ในกรอบการพักฐานที่บริเวณระดับ $2,330 ในช่วงเช้าของเซสชั่นยุโรป
อัตราเงินเฟ้อวัดการเพิ่มขึ้นของราคาในตะกร้าสินค้าและบริการที่เป็นตัวอ้างอิง อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมักแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงแบบเทียบเดือนต่อเดือน (MoM) และแบบปีต่อปี (YoY) อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะไม่รวมองค์ประกอบที่มีความผันผวนสูงเช่น อาหารและเชื้อเพลิง ปัจจัยเหล่านี้อาจผันผวนเพราะสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์และการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเป็นตัวเลขที่นักเศรษฐศาสตร์ให้ความสำคัญและเป็นตัวเลขที่ธนาคารกลางใช้อ้างอิงในการกำหนดเป้าหมาย ธนาคารกลางฯ นิยมคงอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ โดยปกติจะอยู่ที่ประมาณ 2%
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) จะวัดการเปลี่ยนแปลงของราคาตะกร้าสินค้าและบริการในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง โดยปกติ CPI จะแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงแบบเดือนต่อเดือน (MoM) และแบบปีต่อปี (YoY) CPI หลักคือตัวเลขที่ธนาคารกลางใช้กำหนดราคาเป้าหมาย เพราะ CPI ทั่วไปไม่รวมปัจจัยเช่นการผลิตอาหารและเชื้อเพลิงที่มีความผันผวน ดังนั้น เมื่อ CPI พื้นฐานเพิ่มขึ้นมากกว่า 2% จึงมักจะส่งผลให้ธนาคารกลางปรับอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้น นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเมื่อ CPI ลดลงต่ำกว่า 2% เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยในระดับสูง จึงเป็นผลดีต่อสกุลเงิน อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นมักส่งผลให้สกุลเงินแข็งค่าขึ้น และตรงกันข้าม สกุลเงินจะอ่อนค่าเมื่ออัตราเงินเฟ้อลดลง
แม้ว่าอาจดูเหมือนขัดกับภาพความเป็นจริงที่เห็น แต่อัตราเงินเฟ้อในประเทศที่สูงจะผลักดันมูลค่าของสกุลเงินของประเทศนั้นๆ ให้สูงขึ้นเพราะการขึ้นดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ซึ่งดึงดูดเงินจากนักลงทุนทั่วโลกไหลเข้าประเทศเพราะพวกเขากำลังมองหาสถานที่ที่มีกำไรเพื่อฝากเงินของพวกเขา
ในอดีต ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนหันไปพึ่งพาในช่วงเวลาที่มีอัตราเงินเฟ้อสูง เนื่องจากทองคำยังคงรักษามูลค่าไว้ได้ นอกจากนี้ ในช่วงเวลาที่ตลาดปั่นป่วนอย่างรุนแรง นักลงทุนมักจะซื้อทองคำด้วยสถานะการเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย แต่ใจปัจจุบันมักไม่ได้เป็นเช่นนั้นเพราะเมื่อเมื่ออัตราเงินเฟ้อสูง ธนาคารกลางต่างๆ มักจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อ
อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นไม่เป็นผลดีต่อทองคำ เนื่องจากทำให้ต้นทุนโอกาสในการถือครองทองคำลดลงเพราะเป็นสินทรัพย์ที่ดอกเบี้ยไม่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการนำเงินไปฝากในบัญชีเงินสด ในทางกลับกัน อัตราเงินเฟ้อที่ลดลงมีแนวโน้มที่จะส่งผลบวกต่อทองคำ เพราะจะทำให้อัตราดอกเบี้ยลดลง ทำให้โลหะมีค่าเป็นทางเลือกการลงทุนที่มีโอกาสมากขึ้น