TradingKey - แพลตฟอร์มออกแบบเชิงร่วมมือระดับโลก Figma (FIG.US) เผชิญแรงขายหลังประกาศผลประกอบการครั้งแรกนับตั้งแต่เข้าตลาด หุ้นร่วงกว่า 14% ในการซื้อขายนอกเวลาวันพุธ แม้ว่ารายได้ไตรมาส 2 อยู่ที่ 249.6 ล้านดอลลาร์ เติบโต 41% และพลิกมีกำไรสุทธิ (เบรกอีเวนต์) ซึ่งสูงกว่าช่วงคาดการณ์ IPO เล็กน้อย แต่ยังต่ำกว่าที่วอลล์สตรีทคาดการณ์
ตัวชี้วัดสำคัญที่ตลาดจับตา – Net Revenue Retention (NRR) ลดลงจาก 132% ในไตรมาสแรกเหลือ 129% แม้ยังอยู่ในระดับแข็งแกร่ง แต่แนวโน้มชะลอตัวสร้างความกังวลต่อผู้ลงทุน ปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าองค์กรกว่า 1,119 ราย ที่มียอดใช้จ่ายเกิน 100,000 ดอลลาร์ต่อปี พร้อมเดินหน้าเปิดตัวผลิตภัณฑ์ AI ใหม่ เช่น Figma Make และ Sites อย่างต่อเนื่อง แต่แนวทางรายได้ไตรมาส 3 (263–265 ล้านดอลลาร์) และเป้ากำไรทั้งปียังเพียงเล็กน้อยเหนือกว่าตลาดคาดการณ์ ซึ่งไม่เพียงพอรองรับมูลค่าหุ้นที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมอย่างมาก
ขณะนี้ นักวิเคราะห์วอลล์สตรีทโดยรวมให้คำแนะนำ “ถือ/เป็นกลาง” ต่อหุ้น Figma โดย JPMorgan และ Goldman Sachs ตั้งราคาเป้าหมายเพียง 65 ดอลลาร์ และ 48 ดอลลาร์ ตามลำดับ ต่ำกว่าราคาหุ้นปัจจุบัน สะท้อนความระมัดระวังต่อการประเมินมูลค่าที่สูงเกินจริง ด้าน RBC ชี้ว่า ตลาดกำลังให้มูลค่า Figma ที่ 32 เท่าของคาดการณ์รายได้ปี 2026 ในขณะที่ซอฟต์แวร์บริษัทคู่แข่งเฉลี่ยเพียง 10 เท่า ซึ่งสะสมความเสี่ยงอย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนี้ หุ้นจำกัดสิทธิ (Lock-up Shares) ราว 25% จะครบกำหนดปลดล็อกวันที่ 4 กันยายน ซึ่งอาจเพิ่มแรงกดดันการขายออกสู่ตลาด
แม้ว่า Figma จะเดินหน้าเสริมความสามารถ AI ในกระบวนการออกแบบและสร้าง “คูเมือง” ปกป้องผลิตภัณฑ์ แต่บรรยากาศการลงทุนได้เปลี่ยนจากความร้อนแรงในช่วง IPO มาสู่การประเมินเชิงเหตุผลต่อ เส้นทางกำไรและความยั่งยืนของการเติบโต
เนื้อหานี้แปลโดย AI ซึ่งอาจมีข้อผิดพลาดจากข้อจำกัดทางเทคโนโลยีและภาษา จึงไม่สามารถรับประกันความถูกต้อง และความสมบูรณ์ของเนื้อหาได้ทั้งหมด ในการนำข้อมูลไปใช้ โปรดอ้างอิงจากต้นฉบับ และใช้วิจารณญาณประกอบการตัดสินใจ ทั้งนี้ บริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายหรือความเข้าใจผิดใดๆ ที่เกิดขึ้นจากการใช้เนื้อหาดังกล่าว