คู่ NZD/USD กลับมามีแรงฉุดในเชิงบวกอีกครั้งในวันศุกร์ แม้ว่าจะไม่มีแรงตลาดตามมาและยังคงถูกจํากัดอยู่ในช่วงราคาอายุสามวันจนถึงตอนนี้ในช่วงต้นของเซสชั่นยุโรป ปัจจุบัน Spot ราคาซื้อขายที่บริเวณช่วงกลางของ 0.6100 ซึ่งอยู่ในระยะที่ใกล้เคียงกับจุดสูงสุดในรอบกว่าสองเดือนเมื่อวันพุธ เมื่อเทรดเดอร์กำลังรอคอยการกล่าวสุนทรพจน์ของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) นาย Jerome Powell เพื่อเป็นแรงผลักดันตลาดใหม่ ๆ
คํากล่าวของพาวเวลล์จะถูกตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับเส้นทางนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ และตลาดแรงงานที่เย็นตัวลงอาจบังคับให้เฟดต้องประกาศลดอัตราดอกเบี้ยซึ่งมากกว่าปกติที่ 50 จุดพื้นฐาน (bps) ในเดือนกันยายนหรือไม่ ความคาดหวังดังกล่าวได้รับแรงหนุนจากข้อมูลที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ ซึ่งแสดงให้เห็นว่านายจ้างในสหรัฐฯ เพิ่มการจ้างงานได้งานน้อยกว่าที่รายงานไว้ถึง 818,000 ตําแหน่งในช่วงปีจนถึงเดือนมีนาคม ดังนั้นมุมมองต่อแนวโน้มเหล่านี้จะมีบทบาทสําคัญในการมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาดอลลาร์สหรัฐ (USD) ในระยะสั้นและกําหนดทิศทางต่อไปของการเคลื่อนไหวสําหรับคู่ NZD/USD ตามมา
การยอมรับที่เพิ่มขึ้นว่าเฟดจะเริ่มต้นฝั่งวงจรของการผ่อนคลายเชิงนโยบายในเดือนหน้าและปรับลดต้นทุนการกู้ยืมลง 100 bps ภายในสิ้นปีนี้นี้ ทำลายอานิสงส์ของ USD หลังจากมีการฟื้นตัวในช่วงข้ามคืนจากระดับต่ำสุดของปีก่อน ปัจจัยนี้ช่วยชดเชยการรายงานข้อมูลที่อ่อนแอลงของนิวซีแลนด์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ายอดค้าปลีกในนิวซีแลนด์ได้ลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 1.2% QoQ ในไตรมาสที่สอง เทียบกับการเพิ่มขึ้น 0.5% ในไตรมาสก่อนและทําหน้าที่เป็นแรงหนุนสําหรับคู่ NZD/USD อย่างไรก็ดีปัจจัยหลายอย่างรวมกันอาจจํากัดแรงการเพิ่มขึ้นเพิ่มเติมสําหรับคู่สกุลเงินนี้อยู่
เมื่อเทียบกับปัจจัยหลังฉากที่มีของตกต่ำทางเศรษฐกิจของจีน และความกังวลระลอกใหม่เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่อาจเกิดขึ้นในสหรัฐฯ ก็ทําให้นักลงทุนลดความต้องการสินทรัพย์ต่าง ๆ ที่มีความเสี่ยงลงอีก และอาจทําหน้าที่เป็นแรงกดดันต่อดอลลาร์นิวซีแลนด์ที่อ่อนไหวต่อความเสี่ยงต่าง ๆ ปัจจัยนี้ควบคู่ไปกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนของทางธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) เมื่อต้นเดือนนี้ และจุดยืนท่าทีเอนเอียงไปทางผ่อนคลายซึ่งบ่งชี้ถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากขึ้นในอีก 1-3 เดือนข้างหน้า ก็อาจขัดขวางไม่ให้เทรดเดอร์วางเดิมพันเชิงรุกในคู่ NZD/USD แต่อย่างไรก็ดี ตอนนี้ราคาสปอตยังคงอยู่ในเส้นทางของการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งเป็นสัปดาห์ที่สี่ติดต่อกัน
ดอลลาร์สหรัฐ (USD) เป็นสกุลเงินที่ใช้อย่างเป็นทางการในสหรัฐอเมริกา และเป็นสกุลเงินที่ใช้ 'โดยพฤตินัย' ของประเทศอื่น ๆ จำนวนมากที่มีการหมุนเวียนควบคู่ไปกับสกุลเงินท้องถิ่น เป็นสกุลเงินที่มีการซื้อขายกันมากที่สุดในโลก โดยคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 88% ของมูลค่าการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศทั่วโลก หรือมีมูลค่าธุรกรรมเฉลี่ย 6.6 ล้านล้านดอลลาร์ต่อวันตามข้อมูลของปี 2022 หลังสงครามโลกครั้งที่สอง สกุลเงิน USD เข้ามารับช่วงต่อตำแหน่งสกุลเงินสำรองของโลกจากสกุลเงินปอนด์ของอังกฤษที่เป็นในประวัติศาสตร์ใหญ่ สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐได้ถูกค้ำด้วยทองคำ จนกระทั่งเกิดข้อตกลง Bretton Woods ในปี 1971 เมื่อมาตรฐานการค้ำด้วยทองคำหมดไป
ปัจจัยเดียวที่สำคัญที่สุดที่ส่งผลต่อมูลค่าของดอลลาร์สหรัฐคือนโยบายทางการเงินซึ่งกำหนดโดยธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เฟดมีหน้าที่สองประการ: เพื่อให้บรรลุเสถียรภาพด้านราคา (ควบคุมอัตราเงินเฟ้อ) และส่งเสริมการจ้างงานเต็มรูปแบบ เครื่องมือหลักในการบรรลุเป้าหมายทั้งสองนี้คือการปรับอัตราดอกเบี้ย เมื่อราคาต่าง ๆ เพิ่มสูงขึ้นเร็วเกินไปและอัตราเงินเฟ้อสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของเฟด ทางเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยซึ่งจะหนุนค่าเงิน USD แต่เมื่ออัตราเงินเฟ้อลดลงต่ำกว่า 2% หรืออัตราการว่างงานสูงเกินไป เฟดอาจเลือกปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ซึ่งเป็นแรงกดดันต่อสกุลเงินดอลลาร์
ในสถานการณ์ที่รุนแรงมากจริง ๆ ทาง Federal Reserve ยังสามารถพิมพ์ดอลลาร์ออกมาเพิ่มเติมและออกมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ได้ การทำ QE เป็นกระบวนการที่เฟดเพิ่มการไหลเวียนของสินเชื่อในระบบการเงินที่ติดขัดอยู่อย่างมาก โดยเป็นมาตรการทางนโยบายที่ไม่ได้เป็นมาตรฐานซึ่งใช้เมื่อสินเชื่อหมดเนื่องจากธนาคารจะไม่ให้กู้ยืมระหว่างกัน (เพราะกลัวคู่สัญญาจะผิดนัดชำระหนี้) ก็เป็นทางเลือกสุดท้ายเมื่อการลดอัตราดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียวไม่น่าจะบรรลุผลลัพล์ที่จำเป็น ถือเป็นเครื่องทางเลือกสุดท้ายของเฟดในการต่อสู้กับวิกฤติสินเชื่อที่เกิดขึ้นระหว่างวิกฤตการณ์ทางการเงินครั้งใหญ่ในปี 2008 โดยเกี่ยวข้องกับการที่เฟดพิมพ์เงินดอลลาร์เพิ่มขึ้นและใช้เงินเหล่านั้นเพื่อซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากสถาบันการเงินต่าง ๆ การทำ QE มักจะทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง
การกระชับเชิงปริมาณ (QT) เป็นกระบวนการย้อนกลับของการทำ QE โดยที่ Federal Reserve จะหยุดซื้อพันธบัตรจากสถาบันการเงินและไม่นำเงินต้นไปลงทุนใหม่จากพันธบัตรที่ถืออยู่เพื่อซื้อใหม่ ซึ่งมักจะเป็นปัจจัยบวกสำหรับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ