ประธานาธิบดียูเครน, โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี, ประกาศเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ว่าเขาพร้อมที่จะสละตำแหน่งหากการกระทำนี้จะนำมาซึ่งสันติภาพและการเข้าร่วมเป็นสมาชิกในองค์การนาโต ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐ, โดนัลด์ ทรัมป์, กดดันให้ยูเครนจัดการเลือกตั้ง โดยกล่าวหาว่าเซเลนสกีเป็นเผด็จการ และที่สำคัญ การเลือกตั้งไม่สามารถจัดขึ้นในระหว่างประกาศใช้กฎอัยการศึก
เซเลนสกีตอบสนองต่อข้อเสนอของสหรัฐฯ ในการขอส่วนแบ่งแร่ธาตุหายากของประเทศสำหรับการแลกเปลี่ยนความช่วยเหลือทางการเงิน โดยชี้แจงว่าเขาจะไม่ลงนามในข้อตกลงที่ทำให้ยูเครนต้องชดใช้ความช่วยเหลือดังกล่าว สิ่งนี้สะท้อนถึงท่าทีที่ชัดเจนที่ยูเครนต้องการหลักประกันด้านความมั่นคงมากกว่าความช่วยเหลือที่มีข้อผูกพัน
การเจรจากับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ เกี่ยวกับข้อตกลงพัฒนาแร่ธาตุยังคงดำเนินต่อไปอย่างสร้างสรรค์ ในขณะเดียวกันยูเครนได้รับความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ รวมมูลค่ากว่า 6.7 หมื่นล้านดอลลาร์ในด้านอาวุธ และอีก 3.15 หมื่นล้านดอลลาร์ในงบประมาณสนับสนุนตลอดช่วงสงครามที่ยืดเยื้อเกือบ 3 ปี การคงให้ความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ เผยถึงปัจจัยการเมืองที่มีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของยูเครน