นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า แถลงว่า นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้เน้นย้ำความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการค้าของสหรัฐอเมริกา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนของโลก รวมถึงประเทศไทย กระทรวงพาณิชย์ได้รับมอบหมายให้ติดตามและประเมินผลกระทบจากนโยบายดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เช่น การเพิ่มภาษีนำเข้าจากหลายประเทศ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสินค้าส่งออกของไทย
สหรัฐฯ ยังคงเป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของไทย โดยมีสัดส่วนการส่งออกถึง 18% ของมูลค่ารวม คิดเป็นมูลค่า 54,956.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2567 ขณะที่การนำเข้าสหรัฐฯ เป็นแหล่งนำเข้าอันดับ 4 มีสัดส่วนการนำเข้าประมาณ 6% หรือมูลค่า 19,528.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ไทยมีดุลการค้าเกินดุลกับสหรัฐฯ อยู่ที่ 35,427.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ไทยยังมีสินค้าหลายกลุ่มที่เสี่ยงถูกพิจารณาเก็บภาษีเพิ่มเติม โดยเฉพาะสินค้าที่สหรัฐฯ ขาดดุลการค้ากับไทยเพิ่มขึ้น เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
ในทางด้านเศรษฐกิจโลก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกในปี 2568 จะขยายตัว 3.3% โดยเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาจะเติบโตได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.2% ขณะที่ประเทศพัฒนาแล้วเติบโตที่ 1.7% อย่างไรก็ตาม IMF เตือนว่าเศรษฐกิจโลกอาจเผชิญกับความเสี่ยงจากนโยบายปกป้องที่เข้มข้นมากขึ้น ซึ่งอาจลดการลงทุนและเบี่ยงเบนทิศทางการค้า
ในส่วนของมาตรการทางการค้าของสหรัฐฯ จะชัดเจนขึ้นหลังการแต่งตั้งคณะผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (USTR) นายพิชัยมีแผนจะนำคณะผู้บริหารเยือนสหรัฐฯ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 เพื่อหารือกับผู้บริหารสหรัฐฯ เกี่ยวกับการขอยกเว้นการขึ้นภาษีสินค้าจากไทย