ราคาโลหะเงิน (XAG/USD) ดึงดูดผู้ซื้อบางส่วนให้เข้ามาใกล้ 41.00 ดอลลาร์ในช่วงเวลาการซื้อขายของเอเชียในวันพุธ โลหะสีขาวขยับสูงขึ้นท่ามกลางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) ที่อ่อนค่าลงและความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลาง เทรดเดอร์จะได้รับสัญญาณเพิ่มเติมจากข้อมูลอัตราเงินเฟ้อ PPI ของสหรัฐฯ สำหรับเดือนสิงหาคมในวันพุธนี้
การปรับปรุงประจำปีของข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP) สำหรับปีที่แล้วก่อนเดือนมีนาคม 2025 แสดงให้เห็นว่ามีการลดลง 911,000 จากการประมาณการเบื้องต้น รายงานนี้บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานอ่อนแอกว่าที่ตัวเลขเบื้องต้นแสดงในช่วง 12 เดือนนั้น ซึ่งเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเพิ่มความคาดหวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงอาจลดต้นทุนโอกาสในการถือครองโลหะเงิน ซึ่งสนับสนุนโลหะสีขาวที่ไม่มีผลตอบแทน
นอกจากนี้ ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลางอาจช่วยเพิ่มการไหลเข้าของสินทรัพย์ปลอดภัยและลดราคาโลหะเงิน รายงานของ Bloomberg ระบุว่าอิสราเอลได้เปิดฉากโจมตีโดฮา ประเทศกาตาร์ โดยมุ่งเป้าไปที่ผู้นำระดับสูงของฮามาส เจ้าหน้าที่กาตาร์กล่าวว่าการโจมตีของอิสราเอลละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและเป็นภัยคุกคามที่จะขยายความขัดแย้งในตะวันออกกลาง
รายงานอัตราเงินเฟ้อ PPI ของสหรัฐฯ ในเดือนสิงหาคมในวันพุธนี้อาจให้สัญญาณบางอย่างเกี่ยวกับเส้นทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าหัวข้อ PPI จะแสดงการเพิ่มขึ้น 3.3% YoY ในเดือนสิงหาคม ขณะที่ PPI พื้นฐานคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.5% YoY ในช่วงเวลาเดียวกัน หากรายงานแสดงการเพิ่มขึ้นที่เหนือความคาดหมายในอัตราเงินเฟ้อ อาจทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและกดดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีการกำหนดราคาเป็นดอลลาร์ในระยะสั้น
แร่เงินเป็นโลหะมีค่าที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนอย่างมากในหมู่นักลงทุน ในอดีต โลหะเงินถูกใช้เป็นสินทรัพย์สะสมมูลค่าและเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน แม้ว่าจะได้รับความนิยมน้อยกว่าทองคํา แต่นักลงทุนอาจหันไปใช้โลหะเงินเพื่อกระจายพอร์ตการลงทุนของตนเพื่อสะสมมูลค่า หรือเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่มีอัตราเงินเฟ้อสูง นักลงทุนสามารถซื้อโลหะเงินจริงในรูปแบบของเหรียญ ในรูปแบบของแท่งหรือซื้อขายผ่านตัวกลางเช่น Exchange Traded Funds ซึ่งอ้างอิงราคาโลหะเงินในตลาดต่างประเทศ
ราคาโลหะเงินสามารถเคลื่อนไหวได้จากปัจจัยหลายประการ ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์หรือความกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงอาจทําให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นจากสถานะสินทรัพย์ปลอดภัย แม้ว่าจะได้รับความสนใจน้อยกว่าทองคําก็ตาม ในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทน โลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง การเคลื่อนไหวของโลหะเงินยังขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของดอลลาร์สหรัฐ (USD) เพราะสินทรัพย์โลหะเงินซื้อขายด้วยราคาเป็นดอลลาร์ (XAGUSD) ดอลลาร์ที่แข็งค่ามีแนวโน้มที่จะรักษาราคาโลหะเงินไว้ แต่หากดอลลาร์อ่อนค่าลง มีแนวโน้มที่จะผลักดันราคาโลหะเงินให้สูงขึ้น ปัจจัยอื่นๆ เช่น อุปสงค์การลงทุน อุปทานการขุด (โลหะเงินมีมากกว่าทองคํามาก) และอัตราการนำกลับมาใช้ก็อาจส่งผลต่อราคาโลหะเงินได้เช่นกัน
โลหะเงินมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนต่างๆ เช่น อิเล็กทรอนิกส์หรือพลังงานแสงอาทิตย์ เนื่องจากโลหะเงินสามารถนําไฟฟ้าได้สูงที่สุดชนิดหนึ่งเมื่อเทียบกับโลหะทั้งหมด มากกว่าทองแดงและทองคํา ความต้องการโลหะที่เพิ่มขึ้นสามารถทำให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นได้ การเปลี่ยนแปลงในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จีน และอินเดียยังสามารถส่งผลต่อการแกว่งตัวของราคาโลหะเงิน ในสหรัฐฯ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจีน ภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของพวกเขาใช้โลหะเงินในกระบวนการต่างๆ ในอินเดีย ความต้องการโลหะมีค่าของผู้บริโภคเพื่อเอาไปสร้างเครื่องประดับก็มีบทบาทสําคัญในการกําหนดราคาโลหะเงินเช่นกัน
ราคาโลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวตามราคาทองคํา เมื่อราคาทองคําสูงขึ้น โลหะเงินมักจะเคลื่อนไหวามความเหมาะสม อย่างไรก็ตาม สถานะของสินทรัพย์ทั้งสองไม่ได้อยู่ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีความคล้ายคลึงกัน อัตราส่วนเปรียบเทียบทองคําและโลหะเงินจะให้ข้อมูลของจํานวนออนซ์ของโลหะเงินที่จําเป็นเพื่อให้เท่ากับมูลค่าของทองคําหนึ่งออนซ์ อัตราส่วนเปรียบทียบนี้อาจช่วยในการกําหนดการประเมินมูลค่าสัมพัทธ์ระหว่างโลหะทั้งสอง นักลงทุนบางคนอาจพิจารณาว่าหากอัตราส่วนนี้สูง จะหมายความว่าโลหะเงินมีมูลค่าต่ำเกินไป หรือทองคํามีมูลค่าสูงเกินไป ในทางตรงกันข้าม อัตราส่วนที่ต่ำอาจบ่งบอกว่าทองคํามีมูลค่าต่ำกินไปเมื่อเทียบกับโลหะเงิน