ราคาโลหะเงิน (XAG/USD) เคลื่อนไหวในแดนลบอยู่ที่ประมาณ 40.65 ดอลลาร์ในช่วงเช้าของตลาดลงทุนเอเชียวันจันทร์ โลหะเงินถอยกลับจากระดับสูงสุดในรอบ 14 ปีท่ามกลางความคาดหวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ความคาดหวังที่อัตราดอกเบี้ยของเฟดจะลดลงในปีนี้จะทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) อ่อนค่าลงและสนับสนุนราคาโลหะเงิน
หลังจากรายงานการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่ออกมาไม่ดีในวันศุกร์ คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% รวมสามครั้งในปีนี้ อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงอาจลดต้นทุนโอกาสในการถือครองโลหะเงิน ซึ่งสนับสนุนโลหะเงินที่ไม่ให้ผลตอบแทน ในเดือนสิงหาคม NFP ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 22,000 ตำแหน่ง ตัวเลขนี้ตามมาจากการเพิ่มขึ้น 79,000 ตำแหน่ง (ปรับปรุงจาก 73,000) ที่บันทึกไว้ในเดือนกรกฎาคม และต่ำกว่าความเห็นของตลาดที่คาดไว้ที่ 75,000
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่าผู้นำยุโรปแต่ละคนจะเดินทางไปยังสหรัฐฯ ในวันจันทร์หรือวันอังคารเพื่อหารือเกี่ยวกับวิธีการแก้ไขสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทรัมป์กล่าวเพิ่มเติมว่าเขา "ไม่พอใจ" กับสถานการณ์ของสงครามรัสเซีย-ยูเครน แต่แสดงความหวังว่าสงครามจะได้รับการแก้ไขในเร็วๆ นี้
เทรดเดอร์จะติดตามความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมเกี่ยวกับสงครามรัสเซีย-ยูเครนอย่างใกล้ชิด ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่าผู้นำยุโรปแต่ละคนจะเดินทางไปยังสหรัฐฯ ในวันจันทร์หรือวันอังคารเพื่อหารือเกี่ยวกับวิธีการแก้ไขความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน
ทรัมป์กล่าวเพิ่มเติมว่าเขา "ไม่พอใจ" กับสถานการณ์ของสงครามรัสเซีย-ยูเครน อย่างไรก็ตาม เขาแสดงความหวังว่าสงครามจะได้รับการแก้ไขในเร็วๆ นี้ สัญญาณใดๆ ของการเจรจาสันติภาพอาจทำให้ราคาโลหะเงินลดลง เนื่องจากถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
แร่เงินเป็นโลหะมีค่าที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนอย่างมากในหมู่นักลงทุน ในอดีต โลหะเงินถูกใช้เป็นสินทรัพย์สะสมมูลค่าและเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน แม้ว่าจะได้รับความนิยมน้อยกว่าทองคํา แต่นักลงทุนอาจหันไปใช้โลหะเงินเพื่อกระจายพอร์ตการลงทุนของตนเพื่อสะสมมูลค่า หรือเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่มีอัตราเงินเฟ้อสูง นักลงทุนสามารถซื้อโลหะเงินจริงในรูปแบบของเหรียญ ในรูปแบบของแท่งหรือซื้อขายผ่านตัวกลางเช่น Exchange Traded Funds ซึ่งอ้างอิงราคาโลหะเงินในตลาดต่างประเทศ
ราคาโลหะเงินสามารถเคลื่อนไหวได้จากปัจจัยหลายประการ ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์หรือความกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงอาจทําให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นจากสถานะสินทรัพย์ปลอดภัย แม้ว่าจะได้รับความสนใจน้อยกว่าทองคําก็ตาม ในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทน โลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง การเคลื่อนไหวของโลหะเงินยังขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของดอลลาร์สหรัฐ (USD) เพราะสินทรัพย์โลหะเงินซื้อขายด้วยราคาเป็นดอลลาร์ (XAGUSD) ดอลลาร์ที่แข็งค่ามีแนวโน้มที่จะรักษาราคาโลหะเงินไว้ แต่หากดอลลาร์อ่อนค่าลง มีแนวโน้มที่จะผลักดันราคาโลหะเงินให้สูงขึ้น ปัจจัยอื่นๆ เช่น อุปสงค์การลงทุน อุปทานการขุด (โลหะเงินมีมากกว่าทองคํามาก) และอัตราการนำกลับมาใช้ก็อาจส่งผลต่อราคาโลหะเงินได้เช่นกัน
โลหะเงินมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนต่างๆ เช่น อิเล็กทรอนิกส์หรือพลังงานแสงอาทิตย์ เนื่องจากโลหะเงินสามารถนําไฟฟ้าได้สูงที่สุดชนิดหนึ่งเมื่อเทียบกับโลหะทั้งหมด มากกว่าทองแดงและทองคํา ความต้องการโลหะที่เพิ่มขึ้นสามารถทำให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นได้ การเปลี่ยนแปลงในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จีน และอินเดียยังสามารถส่งผลต่อการแกว่งตัวของราคาโลหะเงิน ในสหรัฐฯ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจีน ภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของพวกเขาใช้โลหะเงินในกระบวนการต่างๆ ในอินเดีย ความต้องการโลหะมีค่าของผู้บริโภคเพื่อเอาไปสร้างเครื่องประดับก็มีบทบาทสําคัญในการกําหนดราคาโลหะเงินเช่นกัน
ราคาโลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวตามราคาทองคํา เมื่อราคาทองคําสูงขึ้น โลหะเงินมักจะเคลื่อนไหวามความเหมาะสม อย่างไรก็ตาม สถานะของสินทรัพย์ทั้งสองไม่ได้อยู่ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีความคล้ายคลึงกัน อัตราส่วนเปรียบเทียบทองคําและโลหะเงินจะให้ข้อมูลของจํานวนออนซ์ของโลหะเงินที่จําเป็นเพื่อให้เท่ากับมูลค่าของทองคําหนึ่งออนซ์ อัตราส่วนเปรียบทียบนี้อาจช่วยในการกําหนดการประเมินมูลค่าสัมพัทธ์ระหว่างโลหะทั้งสอง นักลงทุนบางคนอาจพิจารณาว่าหากอัตราส่วนนี้สูง จะหมายความว่าโลหะเงินมีมูลค่าต่ำเกินไป หรือทองคํามีมูลค่าสูงเกินไป ในทางตรงกันข้าม อัตราส่วนที่ต่ำอาจบ่งบอกว่าทองคํามีมูลค่าต่ำกินไปเมื่อเทียบกับโลหะเงิน