นี่คือสิ่งที่คุณต้องรู้ในการลงทุนในวันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม:
หลังจากการเคลื่อนไหวที่ผันผวนในวันพฤหัสบดีตลาดดูเหมือนจะแสดงเสถียรภาพเพื่อเริ่มต้นวันซื้อขายสุดท้ายของสัปดาห์ ปฏิทินเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะมีข้อมูลดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ในเดือนกันยายนและการสํารวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคของมหาวิทยาลัยมิชิแกนในเดือนตุลาคม ซึ่งในช่วงต้นเซสชั่นของอเมริกา สำนักงานสถิติแคนาดาจะเผยแพร่ข้อมูลตลาดแรงงานสําหรับเดือนกันยายน
ตารางด้านล่างแสดงเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของ ดอลลาร์สหรัฐ (USD) เทียบกับสกุลเงินหลักที่ระบุไว้ สัปดาห์นี้ ดอลลาร์สหรัฐ แข็งแกร่งที่สุดเมื่อเทียบกับ ดอลลาร์แคนนาดา
USD | EUR | GBP | JPY | CAD | AUD | NZD | CHF | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
USD | 0.25% | 0.33% | 0.04% | 1.35% | 0.74% | 0.98% | -0.21% | |
EUR | -0.25% | 0.14% | -0.16% | 1.12% | 0.46% | 0.71% | -0.51% | |
GBP | -0.33% | -0.14% | -0.35% | 0.99% | 0.32% | 0.60% | -0.54% | |
JPY | -0.04% | 0.16% | 0.35% | 1.32% | 0.70% | 0.90% | -0.23% | |
CAD | -1.35% | -1.12% | -0.99% | -1.32% | -0.57% | -0.38% | -1.56% | |
AUD | -0.74% | -0.46% | -0.32% | -0.70% | 0.57% | 0.29% | -0.91% | |
NZD | -0.98% | -0.71% | -0.60% | -0.90% | 0.38% | -0.29% | -1.17% | |
CHF | 0.21% | 0.51% | 0.54% | 0.23% | 1.56% | 0.91% | 1.17% |
แผนที่ความร้อนแสดงเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของสกุลเงินหลักเมื่อเทียบกัน สกุลเงินหลักจะถูกเลือกจากคอลัมน์ด้านซ้าย ในขณะที่สกุลเงินอ้างอิงจะถูกเลือกจากแถวบนสุด ตัวอย่างเช่น หากคุณเลือก ดอลลาร์สหรัฐ จากคอลัมน์ด้านซ้าย และเลื่อนไปตามเส้นแนวนอนไปยัง เยนญี่ปุ่น เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงที่แสดงในกล่องจะแสดงถึง USD (สกุลเงินหลัก)/JPY (สกุลเงินรอง).
อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ซึ่งวัดจากการเปลี่ยนแปลงของดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ลดลงมาเป็น 2.4% ต่อปีในเดือนกันยายนจากที่ 2.5% ในเดือนสิงหาคม ตามที่สํานักงานสถิติแรงงานสหรัฐฯ (BLS) รายงานเมื่อวันพฤหัสบดี รายละเอียดอื่น ๆ ของรายงานดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานที่ผันผวน เพิ่มขึ้น 3.3% เมื่อเทียบกับปีต่อปี สูงกว่าตัวเลขในเดือนสิงหาคมและการคาดการณ์ของตลาดที่ 3.2% ดัชนี CPI พื้นฐานรายเดือนเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนกันยายน ดอลลาร์สหรัฐ (USD) ไม่สามารถใช้อานิสงส์จากรายงานตัวเลขเหล่านี้ เมื่อจํานวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์อยู่ที่ 258,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 5 ตุลาคม โดยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 225,000 รายในสัปดาห์ก่อน หลังจากแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบหนึ่งเดือนที่ประมาณ 103.20 ในวันพฤหัสบดี ดัชนีดอลลาร์สหรัฐปิดกราฟรายวันทรงตัวและเข้าสู่ช่วงเวลาของการพักฐานใต้ระดับ 103.00 ในช่วงเช้าของวันศุกร์
ข้อมูลที่เผยแพร่โดยสํานักงานสถิติแห่งชาติของสหราชอาณาจักร (UK) แสดงให้เห็นเมื่อวันศุกร์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศขยายตัว 0.2% ต่อเดือนในเดือนสิงหาคม ซึ่งตรงกับการประมาณการของตลาด ในด้านการผลิตภาคอุตสาหกรรมและการผลิตเพิ่มขึ้น 0.5% และ 1.1% ตามลําดับ แม้ว่า GBP/USD จะปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยจากข้อมูลที่สดใส แต่ก็ยังคงวิ่งอยู่ใต้ระดับ 1.3100 ในระหว่างเซสชั่นยุโรป
EUR/USD ปิดกราฟทรงตัวในวันพฤหัสบดี เมื่อ USD สูญเสียแรงการแข็งค่าในช่วงครึ่งหลังของวันนี้ คู่สกุลเงินดังกล่าวพยายามรวบรวมโมเมนตัมการฟื้นตัวและซื้อขายในกรอบแคบ ๆ ใต้ระดับ 1.0950 เล็กน้อยในช่วงเช้าของเซสชั่นยุโรป โดยสำนักงาน Destatis ของเยอรมนียืนยันอีกครั้งเมื่อวันศุกร์ว่าดัชนี CPI ประจําปีเพิ่มขึ้น 1.6% เป็นรายปีในเดือนกันยายน ซึ่งตรงกับการประมาณการเบื้องต้น
USD/CAD สามารถขยายแนวโน้มขาขึ้นในวันพฤหัสบดีและปิดตลาดเป็นวันที่เจ็ดติดต่อกันในแดนบวก ก่อนข้อมูลการจ้างงานของแคนาดา คู่สกุลเงินนี้ซื้อขายสูงขึ้นเล็กน้อยในรายวันมาใกล้ 1.3750
USD/JPY ปิดในโซนสีแดงในวันพฤหัสบดี หลังจากกลับตัวลงจากระดับสูงสุดในรอบหลายเดือนที่สูงกว่า 149.60 คู่เงินนี้วิ่งค่อนข้างเงียบเหงาและขยับขึ้น-ลงในกรอบแคบ ๆ ใต้ระดับ 149.00
ราคาทองคํารวบรวมโมเมนตัมการฟื้นตัวและสิ้นสุดการร่วงลงติดต่อกันหกวันในวันพฤหัสบดี XAU/USD ยังคงปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ $2,650 ในวันศุกร์
อัตราเงินเฟ้อวัดการเพิ่มขึ้นของราคาในตะกร้าสินค้าและบริการที่ใช้อ้างอิง อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมักแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงแบบเทียบเดือนต่อเดือน (MoM) และแบบปีต่อปี (YoY) อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะไม่รวมองค์ประกอบที่มีความผันผวนสูงเช่น อาหารและเชื้อเพลิง ปัจจัยเหล่านี้อาจผันผวนเพราะสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ และการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเป็นตัวเลขที่นักเศรษฐศาสตร์ให้ความสำคัญและเป็นตัวเลขที่ธนาคารกลางใช้อ้างอิงในการกำหนดเป้าหมาย ธนาคารกลางฯ นิยมคงอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ โดยปกติจะอยู่ที่ประมาณ 2%
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) จะวัดการเปลี่ยนแปลงของราคาตะกร้าสินค้าและบริการในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง โดยปกติ CPI จะแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงแบบเดือนต่อเดือน (MoM) และแบบปีต่อปี (YoY) CPI หลักคือตัวเลขที่ธนาคารกลางใช้กำหนดราคาเป้าหมาย เพราะ CPI ทั่วไปไม่รวมปัจจัยเช่นการผลิตอาหารและเชื้อเพลิงที่มีความผันผวน ดังนั้น เมื่อ CPI พื้นฐานเพิ่มขึ้นมากกว่า 2% จึงมักจะส่งผลให้ธนาคารกลางปรับอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้น นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเมื่อ CPI ลดลงต่ำกว่า 2% เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยในระดับสูง จึงเป็นผลดีต่อสกุลเงิน อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นมักส่งผลให้สกุลเงินแข็งค่าขึ้น และตรงกันข้าม สกุลเงินจะอ่อนค่าเมื่ออัตราเงินเฟ้อลดลง
แม้ว่าอาจดูเหมือนขัดกับภาพความเป็นจริงที่เห็น แต่อัตราเงินเฟ้อในประเทศที่สูงจะผลักดันมูลค่าของสกุลเงินของประเทศนั้นๆ ให้สูงขึ้นเพราะการขึ้นดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ซึ่งดึงดูดเงินจากนักลงทุนทั่วโลกให้ไหลเข้าประเทศ เพราะพวกเขากำลังมองหาสถานที่ที่มีกำไรจากการฝากเงินของพวกเขา
ในอดีต ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนหันไปพึ่งพาในช่วงเวลาที่มีอัตราเงินเฟ้อสูง เนื่องจากทองคำยังคงรักษามูลค่าไว้ได้ นอกจากนี้ ในช่วงเวลาที่ตลาดปั่นป่วนอย่างรุนแรง นักลงทุนมักจะซื้อทองคำด้วยสถานะการเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย แต่ในปัจจุบันมักไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะเมื่อเมื่ออัตราเงินเฟ้อสูง ธนาคารกลางต่างๆ มักจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อ
อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจึงไม่เป็นผลดีต่อทองคำ เนื่องจากทำให้ต้นทุนโอกาสในการถือครองทองคำลดลงเพราะเป็นสินทรัพย์ที่ดอกเบี้ยไม่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการนำเงินไปฝากในบัญชีเงินสด ในทางกลับกัน อัตราเงินเฟ้อที่ลดลงมีแนวโน้มที่จะส่งผลบวกต่อทองคำ เพราะจะทำให้อัตราดอกเบี้ยลดลง ทำให้โลหะมีค่าเป็นทางเลือกการลงทุนที่มีโอกาสมากขึ้น