นี่คือสิ่งที่คุณต้องรู้ในการลงทุนในวันอังคารที่ 1 ตุลาคม:
หลังจากการเคลื่อนไหวที่ผันผวนในตลาดการเงินเมื่อวันจันทร์ นักลงทุนจึงเปลี่ยนความสนใจไปที่การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคที่สําคัญเมื่อไตรมาสที่สี่เริ่มขึ้น ทางด้าน Eurostat จะเผยแพร่ดัชนีราคาผู้บริโภคที่สอดคล้องกัน (HICP) ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ต้องการของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันอังคาร แล้วต่อไปในวันนี้ดัชนีผู้จัดการฝ่ายผลิต (PMI) ภาคการผลิตของ ISM สําหรับเดือนกันยายนและข้อมูลการเปิดรับสมัครงาน JOLTS สําหรับเดือนสิงหาคมจะปรากฏในรายงานทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ผู้กําหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) หลายคนมีกําหนดจะขึ้นกล่าวสุนทรพจน์เช่นกัน
ตารางด้านล่างแสดงเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของ ดอลลาร์สหรัฐ (USD) เทียบกับสกุลเงินหลักที่ระบุไว้ สัปดาห์นี้ ดอลลาร์สหรัฐ แข็งแกร่งที่สุดเมื่อเทียบกับ เยนญี่ปุ่น
USD | EUR | GBP | JPY | CAD | AUD | NZD | CHF | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
USD | 0.28% | -0.06% | 1.52% | 0.06% | -0.34% | 0.08% | 0.67% | |
EUR | -0.28% | -0.33% | 1.24% | -0.19% | -0.56% | -0.17% | 0.47% | |
GBP | 0.06% | 0.33% | 1.72% | 0.14% | -0.23% | 0.16% | 0.80% | |
JPY | -1.52% | -1.24% | -1.72% | -1.39% | -1.90% | -1.40% | -0.79% | |
CAD | -0.06% | 0.19% | -0.14% | 1.39% | -0.36% | 0.02% | 0.66% | |
AUD | 0.34% | 0.56% | 0.23% | 1.90% | 0.36% | 0.39% | 1.03% | |
NZD | -0.08% | 0.17% | -0.16% | 1.40% | -0.02% | -0.39% | 0.62% | |
CHF | -0.67% | -0.47% | -0.80% | 0.79% | -0.66% | -1.03% | -0.62% |
แผนที่ความร้อนแสดงเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของสกุลเงินหลักเมื่อเทียบกัน สกุลเงินหลักจะถูกเลือกจากคอลัมน์ด้านซ้าย ในขณะที่สกุลเงินอ้างอิงจะถูกเลือกจากแถวบนสุด ตัวอย่างเช่น หากคุณเลือก ดอลลาร์สหรัฐ จากคอลัมน์ด้านซ้าย และเลื่อนไปตามเส้นแนวนอนไปยัง เยนญี่ปุ่น เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงที่แสดงในกล่องจะแสดงถึง USD (สกุลเงินหลัก)/JPY (สกุลเงินรอง).
ในขณะที่ขึ้นพูดในการประชุมประจําปีของสมาคมเศรษฐกิจธุรกิจแห่งชาติเมื่อวันจันทร์ Jerome Powell ประธานเฟดกล่าวว่าเฟดไม่ได้รีบร้อนที่จะลดอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว โดยดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (USD) ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงชั่วโมงการซื้อขายของอเมริกาและปิดตลาดวันสุดท้ายของไตรมาสที่สามในแดนบวก ซึ่งในช่วงเช้าของวันอังคารดัชนีดอลลาร์วิ่งค่อนข้างเงียบเหงาใต้ระดับ 101.00 ในขณะเดียวกันฟิวเจอร์สดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ซื้อขายต่ำลงเล็กน้อยในวันนี้ ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของตลาดที่ระแวดระวัง
หลังจากเข้าทดสอบระดับ 1.1200 ในช่วงชั่วโมงการซื้อขายของยุโรปในวันจันทร์ EUR/USD พลิกตัวเป็นขาลงในเซสชั่นอเมริกาและปิดกราฟรายวันในแดนลบ แล้วในช่วงเช้าวันอังคาร คู่สกุลเงินนี้ผันผวนในกรอบราคาแคบ ๆ ใต้ระดับ 1.1150 ตลาดคาดว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานแบบ HICP ประจําปีจะยังคงไม่เปลี่ยนแปลงที่ 2.8% ในเดือนกันยายนสำหรับในยูโรโซน
GBP/USD ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์ แต่สูญเสียแรงฉุดเชิงบวกไปจนปิดกราฟรายวันแทบไม่เปลี่ยนแปลงในวันจันทร์ คู่สกุลเงินนี้ขยับตัวไซด์เวย์ใต้ระดับ 1.3400 ในเช้าของเซสชั่นยุโรปวันนี้
ในสรุปความคิดเห็นจากการประชุมนโยบายเดือนกันยายนทางธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) ย้ำว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) จะคงจุดยืนที่ผ่อนคลายในปัจจุบัน แต่จะปรับการใช้นโยบายไปหากสภาวะเศรษฐกิจดีขึ้น USD/JPY รวบรวมโมเมนตัมขาขึ้นได้หลังจากบันทึกการวิ่งขาขึ้นรายวันในวันจันทร์และซื้อขายที่บริเวณระดับ 144.50 ในช่วงเช้าของยุโรป โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 0.5% ในรายวันนั้น
ราคาทองคําขยายการปรับฐานหลังจากเห็นการวิ่งขาลงเมื่อวันศุกร์และปรับตัวลดลงเกือบ 1% ในวันจันทร์ XAU/USD ยังคงยืนหยัดทรงตัวได้ในช่วงเช้าวันอังคารและซื้อขายเหนือระดับ $2,640
ข้อมูลจากออสเตรเลียแสดงให้เห็นว่ายอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.7% เป็นรายเดือนในเดือนสิงหาคม ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นที่ 0.4% ส่วนในแง่ลบ จำนวนใบอนุญาตก่อสร้างลดลง 6.1% ในช่วงเวลาเดียวกัน ทำให้ AUD/USD ซื้อขายสูงขึ้นเล็กน้อยในวันนี้ที่เหนือ 0.6900 เมื่อเริ่มต้นเซสชั่นยุโรป
อัตราเงินเฟ้อวัดการเพิ่มขึ้นของราคาในตะกร้าสินค้าและบริการที่ใช้อ้างอิง อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมักแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงแบบเทียบเดือนต่อเดือน (MoM) และแบบปีต่อปี (YoY) อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะไม่รวมองค์ประกอบที่มีความผันผวนสูงเช่น อาหารและเชื้อเพลิง ปัจจัยเหล่านี้อาจผันผวนเพราะสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ และการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเป็นตัวเลขที่นักเศรษฐศาสตร์ให้ความสำคัญและเป็นตัวเลขที่ธนาคารกลางใช้อ้างอิงในการกำหนดเป้าหมาย ธนาคารกลางฯ นิยมคงอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ โดยปกติจะอยู่ที่ประมาณ 2%
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) จะวัดการเปลี่ยนแปลงของราคาตะกร้าสินค้าและบริการในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง โดยปกติ CPI จะแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงแบบเดือนต่อเดือน (MoM) และแบบปีต่อปี (YoY) CPI หลักคือตัวเลขที่ธนาคารกลางใช้กำหนดราคาเป้าหมาย เพราะ CPI ทั่วไปไม่รวมปัจจัยเช่นการผลิตอาหารและเชื้อเพลิงที่มีความผันผวน ดังนั้น เมื่อ CPI พื้นฐานเพิ่มขึ้นมากกว่า 2% จึงมักจะส่งผลให้ธนาคารกลางปรับอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้น นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเมื่อ CPI ลดลงต่ำกว่า 2% เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยในระดับสูง จึงเป็นผลดีต่อสกุลเงิน อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นมักส่งผลให้สกุลเงินแข็งค่าขึ้น และตรงกันข้าม สกุลเงินจะอ่อนค่าเมื่ออัตราเงินเฟ้อลดลง
แม้ว่าอาจดูเหมือนขัดกับภาพความเป็นจริงที่เห็น แต่อัตราเงินเฟ้อในประเทศที่สูงจะผลักดันมูลค่าของสกุลเงินของประเทศนั้นๆ ให้สูงขึ้นเพราะการขึ้นดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ซึ่งดึงดูดเงินจากนักลงทุนทั่วโลกให้ไหลเข้าประเทศ เพราะพวกเขากำลังมองหาสถานที่ที่มีกำไรจากการฝากเงินของพวกเขา
ในอดีต ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนหันไปพึ่งพาในช่วงเวลาที่มีอัตราเงินเฟ้อสูง เนื่องจากทองคำยังคงรักษามูลค่าไว้ได้ นอกจากนี้ ในช่วงเวลาที่ตลาดปั่นป่วนอย่างรุนแรง นักลงทุนมักจะซื้อทองคำด้วยสถานะการเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย แต่ในปัจจุบันมักไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะเมื่อเมื่ออัตราเงินเฟ้อสูง ธนาคารกลางต่างๆ มักจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อ
อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจึงไม่เป็นผลดีต่อทองคำ เนื่องจากทำให้ต้นทุนโอกาสในการถือครองทองคำลดลงเพราะเป็นสินทรัพย์ที่ดอกเบี้ยไม่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการนำเงินไปฝากในบัญชีเงินสด ในทางกลับกัน อัตราเงินเฟ้อที่ลดลงมีแนวโน้มที่จะส่งผลบวกต่อทองคำ เพราะจะทำให้อัตราดอกเบี้ยลดลง ทำให้โลหะมีค่าเป็นทางเลือกการลงทุนที่มีโอกาสมากขึ้น