tradingkey.logo

ฟอเร็กซ์รายวัน: ข้อมูลเงินเฟ้อของแคนดาดาและบรรดา Fedspeak จะดึงดูดความสนใจของตลาด

FXStreet20 ส.ค. 2024 เวลา 11:27

นี่คือสิ่งที่คุณต้องรู้ในการลงทุนในวันอังคารที่ 20 สิงหาคม:

คู่สกุลเงินหลักต่าง ๆ ดูเหมือนจะทรงตัวในช่วงเช้าของเวลายุโรปในวันอังคารเนื่องจากนักลงทุนรอตัวเร่งตลาดต่อไป  ทาง Eurostat จะเผยแพร่รายงานการแก้ไขข้อมูลเงินเฟ้อในเดือนกรกฎาคมในภายหลังในเซสชั่นปัจจุบัน และสำนักงานสถิติแคนาดาจะเผยแพร่ข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภคสําหรับเดือนกรกฎาคมในภายหลังของวันนี้ ผู้เข้าร่วมตลาดจะให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับรายงานความคิดเห็นจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) หลายท่าน

หลังจากเริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ภายใต้แรงกดดันขาลง ดอลลาร์สหรัฐ (USD) ยังคงอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินรายใหญ่อื่น ๆ ในช่วงครึ่งหลังของวันนี้ในวันจันทร์ เนื่องจากการเคลื่อนไหวในตลาดวอลล์สตรีทชี้ให้เห็นถึงบรรยากาศในการลงทุนเสี่ยงที่ดีขึ้น  โดยในช่วงต้นเซสชั่นยุโรป ฟิวเจอร์สดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ซื้อขายสูงขึ้นเล็กน้อยในรายวันและดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ ทรงตัวใต้ระดับ 102.00 เล็กน้อย

ราคาดอลลาร์สหรัฐในสัปดาห์นี้

ตารางด้านล่างแสดงเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของ ดอลลาร์สหรัฐ (USD) เทียบกับสกุลเงินหลักที่ระบุไว้ สัปดาห์นี้ ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าที่สุดเมื่อเทียบกับ ดอลลาร์์นิวซีแลนด์

  USD EUR GBP JPY CAD AUD NZD CHF
USD   -0.51% -0.39% -0.41% -0.41% -0.90% -1.36% -0.42%
EUR 0.51%   0.04% 0.13% 0.11% -0.49% -1.02% 0.06%
GBP 0.39% -0.04%   -0.06% 0.03% -0.54% -1.00% 0.01%
JPY 0.41% -0.13% 0.06%   -0.07% -0.53% -0.84% -0.15%
CAD 0.41% -0.11% -0.03% 0.07%   -0.53% -0.88% -0.06%
AUD 0.90% 0.49% 0.54% 0.53% 0.53%   -0.38% 0.55%
NZD 1.36% 1.02% 1.00% 0.84% 0.88% 0.38%   0.97%
CHF 0.42% -0.06% -0.01% 0.15% 0.06% -0.55% -0.97%  

แผนที่ความร้อนแสดงเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของสกุลเงินหลักเมื่อเทียบกัน สกุลเงินหลักจะถูกเลือกจากคอลัมน์ด้านซ้าย ในขณะที่สกุลเงินอ้างอิงจะถูกเลือกจากแถวบนสุด ตัวอย่างเช่น หากคุณเลือก ดอลลาร์สหรัฐ จากคอลัมน์ด้านซ้าย และเลื่อนไปตามเส้นแนวนอนไปยัง เยนญี่ปุ่น เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงที่แสดงในกล่องจะแสดงถึง USD (สกุลเงินหลัก)/JPY (สกุลเงินรอง).

 

EUR/USD ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.5% ติดต่อกันเป็นวันซื้อขายที่สองในวันจันทร์และแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคมใกล้ 1.1090 ในช่วงเช้าวันอังคาร คู่สกุลเงินดังกล่าวอยู่ในช่วงเวลาของการพักฐานที่บริเวณระดับ 1.1080  โดยธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะเปิดเผยข้อมูลอัตราค่าจ้างที่เจรจาต่อรองสําหรับไตรมาสที่สองในภายหลังของวันนี้

โดยในช่วงชั่วโมงการซื้อขายของเอเชีย ธนาคารประชาชนจีน (PBoC) ประกาศว่าคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ชั้นดี (LPR) อายุ 1 ปีและห้าปีไว้ที่ 3.35% และ 3.85% ตามลําดับ การตัดสินใจครั้งนี้สอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด

รายงานการประชุมนโยบายของธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ในเดือนสิงหาคมแสดงให้เห็นว่า สมาชิกของคณะกรรมการมีการพิจารณากรณีที่จะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ได้ตัดสินใจว่าผลลัพธ์ในการคงดอกเบี้ยจะสร้างสมดุลระหว่างความเสี่ยงได้ดีกว่า ทางธนาคารกลางระบุเพิ่มเติมว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจต้องคงที่เป็น "ระยะเวลานานขึ้น"  หลังจากที่ AUDUSD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 1% และแตะระดับสูงสุดในรอบหนึ่งเดือนในวันจันทร์ ตอนนี้ได้ย่อตัวลงเล็กน้อยและพบเห็นการซื้อขายล่าสุดเหนือระดับ 0.6700  ในขณะเดียวกัน NZD/USD ยังคงรักษาโมเมนตัมขาขึ้นและซื้อขายที่ระดับสูงสุดใหม่ในรอบ 6 สัปดาห์ไว้ได้ที่ประมาณ 0.6130

อัตราเงินเฟ้อในแคนาดาซึ่งวัดจากการเปลี่ยนแปลงของ CPI คาดว่าจะลดลงมาเป็น 2.5% ต่อปีในเดือนกรกฎาคมจากที่ 2.7% ในเดือนมิถุนายน  USD/CAD ซื้อขายต่ำลงเล็กน้อยในรายวันที่ใกล้ 1.3620 ในช่วงเช้าของวันอังคาร หลังจากปรับตัวลดลง 0.3% ในวันจันทร์

GBP/USD ขยายแนวโน้มการวิ่งขาขึ้นออกไปและแตะระดับสูงสุดในรอบกว่าหนึ่งเดือนที่ 1.3000 ในช่วงเซสชั่นการซื้อขายของเอเชียในวันอังคาร คู่สกุลเงินดังกล่าวทรงตัวอยู่ต่ำกว่าระดับนี้เล็กน้อยเมื่อเริ่มต้นเซสชั่นยุโรป

USD/JPY ฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในรอบสองสัปดาห์ที่ไปแตะมาเมื่อวันจันทร์ แต่ปิดกราฟรายวันลึกเข้าไปในแดนลบ คู่เงินนี้ปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 147.00 ในช่วงเช้าของตลาดยุโรปในวันอังคาร

ราคาทองคําปรับฐานลงสู่ระดับ 2,480 ดอลลาร์ในวันจันทร์ แต่กลับมาแรงฉุดเชิงบวกอีกครั้งในช่วงเซสชั่นอเมริกาเพื่อปิดกราฟรายวันเหนือระดับ 2,500 ดอลลาร์เล็กน้อย โดยในช่วงเช้าของวันอังคาร XAU/USD ผันผวนในกรอบแคบที่บริเวณระดับ 2,505 ดอลลาร์

ความเชื่อมั่นในตลาดที่มีต่อความเสี่ยง: คําถามที่พบบ่อย

คําว่า 'risk-on' และ 'risk-off' หมายถึงอะไรเมื่อพูดถึงความเชื่อมั่นในตลาดการเงิน?

ในโลกของศัพท์ทางการเงิน มักจะมีคําที่ใช้กันอย่างแพร่หลายสองคํา "risk-on" และ "risk off" สองคำนี้หมายถึงระดับความเสี่ยงที่นักลงทุนเต็มใจที่จะยอมรับในช่วงเวลาที่อ้างอิง ในตลาดลงทุนที่ "เปิดรับความเสี่ยง" คือสิ่งที่นักลงทุนมีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับอนาคต และเต็มใจที่จะซื้อสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ในตลาดลงทุนที่ "ปิดรับความเสี่ยง" นักลงทุนเริ่ม 'ลงทุนอย่างปลอดภัย' เพราะพวกเขากังวลเกี่ยวกับอนาคต ดังนั้นจึงซื้อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า ซึ่งมีความแน่นอนมากขึ้นในการให้ผลตอบแทนแม้ว่าจะค่อนทำกำไรได้น้อยก็ตาม

สินทรัพย์หลักที่ต้องติดตามเพื่อทําความเข้าใจว่าความมั่นใจของนักลงทุนที่เปลี่ยนแปลงไปมีตัวไหนบ้าง?

โดยปกติในช่วงที่ตลาดลงทุน "มีความเสี่ยง" ตลาดหุ้นจะเพิ่มขึ้นสินค้าโภคภัณฑ์ส่วนใหญ่เข้าพอร์ต ทองคําก็จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นในช่วงเวลานี้เช่นกันเนื่องจากได้รับประโยชน์จากแนวโน้มการเติบโตที่มีมากขึ้น สกุลเงินของประเทศที่เป็นผู้ส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์จํานวนมากจะแข็งแกร่งขึ้นเเพราะความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น สกุลเงินดิจิทัลก็จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นในตลาดลงทุนที่ "ปิดรับความเสี่ยง"  พันธบัตรรัฐบาลเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะพันธบัตรรัฐบาลชื่อดัง ทองคําได้รับความนิยม และสกุลเงินที่ถือได้ว่าเป็นสินทรัพย์สำรองปลอดภัย เช่น เยนญี่ปุ่น ฟรังก์สวิส และดอลลาร์สหรัฐ ล้วนได้รับประโยชน์

สกุลเงินใดแข็งค่าขึ้นเมื่อนักลงทุน 'เปิดรับความเสี่ยง'?

ดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) ดอลลาร์แคนาดา (CAD) ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) และสกุลเงินรองลงมา เช่น รูเบิล (RUB) และแรนด์แอฟริกาใต้ (ZAR) ล้วนมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในตลาดที่ "เปิดรับความเสี่ยง" นี่เป็นเพราะเศรษฐกิจของสกุลเงินเหล่านี้พึ่งพาการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์อย่างมากเพื่อการเติบโต และสินค้าโภคภัณฑ์มีแนวโน้มที่จะขึ้นราคาในช่วงที่ตลาดกล้าเปิดรับความเสี่ยง เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าจะมีความต้องการวัตถุดิบมากขึ้นในอนาคตเพราะกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น

สกุลเงินใดแข็งค่าขึ้นเมื่อนักลงทุน 'ปิดรับความเสี่ยง'?

สกุลเงินหลักที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงที่ "ปิดรับความเสี่ยง" ได้แก่ ดอลลาร์สหรัฐ (USD) เยนญี่ปุ่น (JPY) และฟรังก์สวิส (CHF) ดอลลาร์สหรัฐเป็นสกุลเงินสํารองของโลกและเพราะในช่วงวิกฤต นักลงทุนจะซื้อหนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งถูกมองว่าปลอดภัยเพราะเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างสหรัฐอเมริกาไม่น่าจะผิดนัดชําระหนี้ เงินเยนจะแข็งค่าขึ้นเพราะมีความต้องการพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นมากขึ้น สาเหตุนั้นเป็นเพราะนักลงทุนในประเทศที่ถือหุ้นด้วยสัดส่วนที่สูงไม่น่าจะทิ้งพันธบัตรเหล่านี้แม้อยู่ในภาวะวิกฤต ฟรังก์สวิสแข็งค่าขึ้นเพราะกฎหมายการธนาคารของสวิสที่เข้มงวดช่วยให้นักลงทุนได้รับการคุ้มครองเงินทุนมากขึ้น

 
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลที่ให้ไว้บนเว็บไซต์นี้มีไว้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการศึกษาและให้ข้อมูลเท่านั้น และไม่ควรถือเป็นคำแนะนำทางการเงินหรือการลงทุน

บทความที่เกี่ยวข้อง

KeyAI