ในช่วงเช้าของตลาดลงทุนเอเชียวันศุกร์ คู่ NZDUSD ขยับขึ้นใกล้ 0.6090 ทั้งคู่เสียแรงหนุนหลังถอยกลับจากระดับสูงสุดของวันก่อนหน้านี้เกือบ 0.6135 นักลงทุนจะจับตาดูประกาศดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมิถุนายนของสหรัฐฯ และมาตรวัดความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นจากมหาลัยมิชิแกน
ข้อมูลที่ประกาศโดยสํานักงานสถิติแรงงานสหรัฐฯ (BLS) เมื่อวันพฤหัสบดีแสดงให้เห็นว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 3.0% ในเดือนมิถุนายน (เมื่อเทียบเป็นรายปี) เทียบกับที่เพิ่มขึ้น 3.3% ในเดือนพฤษภาคม ตัวเลขนี้ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ 3.1% ขณะที่ดัชนี CPI พื้นฐาน YoY ซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานที่ผันผวนเพิ่มขึ้น 3.3% YoY ในเดือนมิถุนายน ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ และเพิ่มขึ้น 3.4% ในเดือนพฤษภาคม เมื่อเทียบรายเดือน CPI ลดลง 0.1% ในขณะที่ CPI พื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.1%
ข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่ลดลงทําให้เกิดความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะลดต้นทุนการกู้ยืมในปีนี้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อดอลลาร์สหรัฐ (USD) ในอนาคตอันใกล้ ตามรายงานของ FedWatch Tool ของ CME Group ขณะนี้ นักลงทุนเชื่อว่ามีโอกาสเกือบ 89% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเฟดเดือนกันยายน จาก 73% ในวันพุธและประมาณ 50% ในสัปดาห์ที่แล้ว
ข้ามไปที่นิวซีแลนด์ ท่าทีที่แข็งกร้าวน้อยลงของธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) มีแนวโน้มที่จะสร้างแรงกดดันขายดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) ในขณะนี้ ธนาคารกลางยังคงอัตราดอกเบี้ย (OCR) ไว้ดังเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ในวันพุธเป็นครั้งที่แปดติดต่อกันที่ 5.5% ตามที่คาดไว้ แต่บอกใบ้ถึงความเป็นไปได้ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนสิงหาคม หากอัตราเงินเฟ้อลดลงตามที่คาดไว้
ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) หรือที่เรียกกันในชื่อเล่นว่ากีวี เป็นสกุลเงินที่ซื้อขายกันดีในหมู่นักลงทุน มูลค่าของสกุลเงินดังกล่าวถูกกําหนดโดยความแข็งแรงของเศรษฐกิจนิวซีแลนด์และนโยบายจากธนาคารกลางภายในประเทศ ถึงกระนั้น ก็มีปัจจัยเฉพาะบางอย่างที่สามารถทําให้ NZD เคลื่อนไหวได้อย่างเช่น ผลการดําเนินงานของเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มที่จะขยับราคากีวี เนื่องจากจีนเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของนิวซีแลนด์ เช่นหากมีข่าวร้ายสําหรับเศรษฐกิจจีนก็มักจะหมายถึงการส่งออกของนิวซีแลนด์ไปยังประเทศจีนที่จะน้อยลง และส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจและค่าเงิน อีกปัจจัยหนึ่งที่ทําให้ NZD เคลื่อนไหวอย่างเจาะจงคือราคานม เนื่องจากอุตสาหกรรมนมเป็นสินค้าส่งออกหลักของนิวซีแลนด์ ราคานมที่สูงช่วยเพิ่มรายได้จากการส่งออก ซึ่งเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจและต่อสกุลเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์
ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) ตั้งเป้าที่จะบรรลุและรักษาอัตราเงินเฟ้อระหว่าง 1% ถึง 3% ในระยะกลาง โดยมุ่งเน้นที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ใกล้จุดกึ่งกลางที่ 2% ด้วยเหตุนี้ธนาคารจึงจะกําหนดระดับอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม เมื่ออัตราเงินเฟ้อสูงเกินไป RBNZ จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเพื่อทําให้เศรษฐกิจเย็นตัวลง แล้วการดำเนินการดังกล่าวจะทําให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้นเพิ่มความน่าสนใจของนักลงทุนที่จะลงทุนในประเทศและช่วยหนุนค่าเงิน NZD ในทางตรงกันข้าม อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงมีแนวโน้มที่จะทำให้ NZD อ่อนค่าลง ด้านส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยหรือที่เรียกว่า Rate Differential ในนิวซีแลนด์คือระดับของอัตราดอกเบี้ยในนิวซีแลนด์หรือที่ธนาคารกลางคาดการณ์ เทียบกับอัตราดอกเบี้ยที่เป็นหรือกําหนดโดยธนาคารกลางสหรัฐ ยังสามารถมีบทบาทสําคัญในการขยับคู่เงิน NZD/USD
การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจระดับมหภาคในนิวซีแลนด์เป็นกุญแจสําคัญในการประเมินสถานะทางเศรษฐกิจและอาจส่งผลกระทบต่อการประเมินมูลค่าของดอลลาร์นิวซีแลนด์ได้ เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งบนพื้นฐานของการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง การว่างงานต่ำและความเชื่อมั่นนักลงทุนที่สูงเป็นปัจจัยบวกสําหรับ NZD การเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและอาจกระตุ้นให้ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจนี้มาพร้อมกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ในทางกลับกันหากข้อมูลเศรษฐกิจอ่อนแอ สกุลเงิน NZD ก็มีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลง
ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) มีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นในช่วงที่ต้องมีความกล้าเสี่ยง หรือแม้เมื่อนักลงทุนรับรู้ว่าความกล้าเสี่ยงของด้านตลาดในวงกว้างอยู่ในระดับต่ำแต่มีการมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับอนาคตการเติบโต สถานการณ์นี้ก็มีแนวโน้มที่จะนําไปสู่แนวโน้มเชิงบวกมากขึ้นสําหรับสินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ และสกุลเงินแบบที่เรียกว่า 'สกุลเงินสายสินค้าโภคภัณฑ์' อย่างเช่นกีวีด้วย NZD มีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลงในช่วงเวลาที่ตลาดปั่นป่วนหรือมีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ เนื่องจากนักลงทุนมักจะขายสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงและหลบไปถือสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีเสถียรภาพมากกว่า