tradingkey.logo

อิสราเอลและอิหร่านกลับมาทำการโจมตีด้วยขีปนาวุธอีกครั้งเมื่อความขัดแ

FXStreet16 มิ.ย. 2025 เวลา 1:20

อิหร่านได้เริ่มการโจมตีใหม่ต่ออิสราเอลในคืนวันอาทิตย์ โดยมีการระเบิดเกิดขึ้นในเมืองชายฝั่งไฮฟา อิสราเอลเริ่มโจมตีเป้าหมายทางทหารในอิหร่านเพิ่มเติม แม้ว่าจะมีการเรียกร้องจากนานาชาติให้มีการเจรจาและลดความตึงเครียด ตามรายงานของ CNN 

เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในทั้งสองประเทศรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 224 รายในอิหร่านและ 14 รายในอิสราเอล ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขของอิหร่านกล่าวว่ามีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 1,277 คนตั้งแต่ที่อิสราเอลเริ่มการโจมตีในวันศุกร์

นอกจากนี้ สื่ออิหร่านที่มีสถานะกึ่งทางการอย่าง Mehr News รายงานเมื่อวันอาทิตย์ว่าช่วงที่สี่ของปฏิบัติการของอิหร่านต่ออิสราเอลได้เริ่มขึ้น เจ้าหน้าที่อิหร่านย้ำว่าพวกเขาจะ "ตอบสนองอย่างมั่นคงต่อการผจญภัยใด ๆ "จากอิสราเอล 

ปฏิกิริยาตลาด

ในขณะที่เขียนบทความนี้ ราคาน้ำมันดิบ West Texas Intermediate (WTI) ปรับตัวสูงขึ้น 1.78% ในวันนี้ โดยซื้อขายที่ 72.88 ดอลลาร์

Risk sentiment FAQs

คําว่า 'risk-on' และ 'risk-off' หมายถึงอะไรเมื่อพูดถึงความเชื่อมั่นในตลาดการเงิน?

ในโลกของศัพท์ทางการเงิน มักจะมีคําที่ใช้กันอย่างแพร่หลายสองคํา "risk-on" และ "risk off" สองคำนี้หมายถึงระดับความเสี่ยงที่นักลงทุนเต็มใจที่จะยอมรับในช่วงเวลาที่อ้างอิง ในตลาดลงทุนที่ "เปิดรับความเสี่ยง" คือสิ่งที่นักลงทุนมีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับอนาคต และเต็มใจที่จะซื้อสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ในตลาดลงทุนที่ "ปิดรับความเสี่ยง" นักลงทุนเริ่ม 'ลงทุนอย่างปลอดภัย' เพราะพวกเขากังวลเกี่ยวกับอนาคต ดังนั้นจึงซื้อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า ซึ่งมีความแน่นอนมากขึ้นในการให้ผลตอบแทนแม้ว่าจะค่อนทำกำไรได้น้อยก็ตาม

สินทรัพย์หลักที่ต้องติดตามเพื่อทําความเข้าใจว่าความมั่นใจของนักลงทุนที่เปลี่ยนแปลงไปมีตัวไหนบ้าง?

โดยปกติในช่วงที่ตลาดลงทุน "มีความเสี่ยง" ตลาดหุ้นจะเพิ่มขึ้นสินค้าโภคภัณฑ์ส่วนใหญ่เข้าพอร์ต ทองคําก็จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นในช่วงเวลานี้เช่นกันเนื่องจากได้รับประโยชน์จากแนวโน้มการเติบโตที่มีมากขึ้น สกุลเงินของประเทศที่เป็นผู้ส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์จํานวนมากจะแข็งแกร่งขึ้นเเพราะความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น สกุลเงินดิจิทัลก็จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นในตลาดลงทุนที่ "ปิดรับความเสี่ยง" พันธบัตรรัฐบาลเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะพันธบัตรรัฐบาลชื่อดัง ทองคําได้รับความนิยม และสกุลเงินที่ถือได้ว่าเป็นสินทรัพย์สำรองปลอดภัย เช่น เยนญี่ปุ่น ฟรังก์สวิส และดอลลาร์สหรัฐ ล้วนได้รับประโยชน์

สกุลเงินใดแข็งค่าขึ้นเมื่อนักลงทุน 'เปิดรับความเสี่ยง'?

ดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) ดอลลาร์แคนาดา (CAD) ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) และสกุลเงินรองลงมา เช่น รูเบิล (RUB) และแรนด์แอฟริกาใต้ (ZAR) ล้วนมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในตลาดที่ "เปิดรับความเสี่ยง" นี่เป็นเพราะเศรษฐกิจของสกุลเงินเหล่านี้พึ่งพาการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์อย่างมากเพื่อการเติบโต และสินค้าโภคภัณฑ์มีแนวโน้มที่จะขึ้นราคาในช่วงที่ตลาดกล้าเปิดรับความเสี่ยง เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าจะมีความต้องการวัตถุดิบมากขึ้นในอนาคตเพราะกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น

สกุลเงินใดแข็งค่าขึ้นเมื่อนักลงทุน 'ปิดรับความเสี่ยง'?

สกุลเงินหลักที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงที่ "ปิดรับความเสี่ยง" ได้แก่ ดอลลาร์สหรัฐ (USD) เยนญี่ปุ่น (JPY) และฟรังก์สวิส (CHF) ดอลลาร์สหรัฐเป็นสกุลเงินสํารองของโลกและเพราะในช่วงวิกฤต นักลงทุนจะซื้อหนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งถูกมองว่าปลอดภัยเพราะเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างสหรัฐอเมริกาไม่น่าจะผิดนัดชําระหนี้ เงินเยนจะแข็งค่าขึ้นเพราะมีความต้องการพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นมากขึ้น สาเหตุนั้นเป็นเพราะนักลงทุนในประเทศที่ถือหุ้นด้วยสัดส่วนที่สูงไม่น่าจะทิ้งพันธบัตรเหล่านี้แม้อยู่ในภาวะวิกฤต ฟรังก์สวิสแข็งค่าขึ้นเพราะกฎหมายการธนาคารของสวิสที่เข้มงวดช่วยให้นักลงทุนได้รับการคุ้มครองเงินทุนมากขึ้น

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลที่ให้ไว้บนเว็บไซต์นี้มีไว้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการศึกษาและให้ข้อมูลเท่านั้น และไม่ควรถือเป็นคำแนะนำทางการเงินหรือการลงทุน

บทความที่เกี่ยวข้อง

KeyAI