ในปีนี้ เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตต่ำกว่า 3% ซึ่งส่งผลให้ตลาดหุ้นขาดปัจจัยหนุน นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, ผู้อำนวยการอาวุโสสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มการบริโภคภายในประเทศลดลง รวมถึงภาคการผลิตที่ยังซบเซาเป็นสาเหตุ โดยการประชุม กนง.ล่าสุดได้ปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย และมีการคาดการณ์ว่าจะปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจในปีนี้ลง
นอกจากนี้จากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะใช้มาตรการตอบโต้ทางภาษี อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย เนื่องจากไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ สูงสุดเป็นลำดับที่ 11 ซึ่งต้องติดตามสถานการณ์การเจรจาการค้าอย่างใกล้ชิด
สำหรับภาพรวมผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 4/2567 ส่วนใหญ่ไม่เป็นไปตามคาด ส่งผลให้การคาดการณ์กำไรตลาดยังมีแนวโน้มปรับลงอีก ทั้งนี้ เศรษฐกิจยังมีความเสี่ยงจากการเมืองที่ร้อนแรงขึ้นจากประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม หุ้นไทยยังคงมีความน่าสนใจสำหรับการลงทุนระยะกลาง-ยาว โดยแนะนำให้ทยอยลงทุนในหุ้นบลูชิพที่ได้รับประโยชน์จากการแปลง LTF เป็น TESGX ได้แก่ BDMS, HMPRO, MINT, KTB, PTT และหุ้นที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัวเช่น AMATA และ SPALI
นอกจากนี้ บล.ทิสโก้ยังแนะนำการลงทุนในหุ้นต่างประเทศผ่าน DR และ DRx โดยการประชุม 2 สภาของจีนในช่วงต้นเดือนนี้เป็นจุดเปลี่ยนที่จะหันกลับมาเน้นการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น