นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK ได้เปิดเผยถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในยุคนโยบายทรัมป์ 2.0 โดยที่เศรษฐกิจโลกยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอน อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยยังมีปัจจัยเกื้อหนุนจากการท่องเที่ยว การใช้จ่ายของภาครัฐและการส่งออกที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากสงครามการค้า หนี้ครัวเรือนที่สูง และภาคการผลิตที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่
ปัจจัยที่สนับสนุนการขยายตัวของการส่งออกไทยในปี 2568 คือ การเพิ่มการนำเข้าของประเทศต่าง ๆ โอกาสในการทดแทนสินค้าจีนและการได้เปรียบจากข้อตกลงการค้าเสรี EFTA อย่างไรก็ตาม การแข่งขันด้านราคากับสินค้าจีนและความผันผวนของค่าเงินบาทยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องระวัง
EXIM BANK ได้ประกาศเป้าหมายการขับเคลื่อนธุรกิจไทยด้วยการพัฒนาธุรกิจที่ยั่งยืน โดยเน้นการสนับสนุนสินเชื่อสีเขียวให้เติบโตและขยาย Portfolio ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (ESG) พร้อมทั้งให้บริการใหม่ ๆ เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการไทยที่ดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึง ESG เนื่องจากความผันผวนของค่าเงินบาท นายรักษ์ได้แนะนำให้ผู้ประกอบการไทยหาวิธีจัดการความเสี่ยงทางการเงินที่เหมาะสมมากขึ้น เช่น การใช้สัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า
นอกจากนี้ EXIM BANK ยังมีบทบาทในการสนับสนุน Climate Finance ของไทยและโลกที่ต้องการเพิ่มเม็ดเงินสีเขียวอย่างมาก EXIM BANK ตั้งเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำในการสนับสนุนธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมทั้งในและต่างประเทศ โดยคาดว่าภายในปี 2570 จะเพิ่มสัดส่วนการสนับสนุน ESG ให้ถึง 50% ของ Portfolio ทั้งหมด
EXIM BANK ยังตั้งเป้าขยายสินเชื่อคงค้างในปี 2568 ให้เติบโตไม่ต่ำกว่า 7% พร้อมบริการใหม่ ๆ เช่น การค้ำประกันหุ้นกู้ให้แก่ลูกค้าที่ต้องการระดมทุน นอกจากนี้ EXIM BANK ยังพร้อมที่จะเป็นที่ปรึกษาทางการเงินในการระดมทุนและการควบรวมกิจการ โดยได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถปรับตัวตามความเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ