- ภาพรวมธุรกิจค้าปลีกในไทยคาดว่าจะเติบโต 5.1% ในปี 2568 แม้เศรษฐกิจฟื้นตัวช้า แต่โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจและนักท่องเที่ยวต่างชาติช่วยเพิ่มกำลังซื้อ
- กลุ่มสินค้าจำเป็นและ Health & Beauty จะมีการเติบโตต่อเนื่อง ในขณะที่กลุ่มแฟชั่นและ Home & Garden จะฟื้นตัวช้า
- การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนยังมีข้อจำกัดในด้านราคา แต่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) คาดการณ์ว่าธุรกิจค้าปลีกในปี 2568 จะเติบโตประมาณ 5.1% YOY จาก 4.8% YOY ในปี 2567 ทั้งนี้แม้ว่าการบริโภคจะเติบโตช้าลง การกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องและการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติจะมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มกำลังซื้อของผู้บริโภค
กลุ่มสินค้าจำเป็น เช่น CVS และซูเปอร์มาร์เก็ต จะยังเติบโตได้ดีจากการขยายสาขาและการสนับสนุนจากนโยบายรัฐ ในขณะเดียวกัน ธุรกิจ Health & Beauty จะได้รับแรงหนุนจากกระแสรักษาสุขภาพและนักท่องเที่ยว ที่ให้ความสำคัญกับสินค้าคุณภาพสูงถึงแม้ราคาจะสูงกว่า ขณะที่กลุ่ม Department store จะได้รับอานิสงส์จากการกลับมาของนักท่องเที่ยวในปี 2568
การดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนเริ่มเป็นที่สนใจในกลุ่มผู้ประกอบการค้าปลีก โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีขนาดใหญ่ เนื่องจากสามารถปรับตัวได้เร็วกว่าร้านค้าขนาดเล็ก อย่างไรก็ตาม ราคาและตัวเลือกสินค้ายังเป็นอุปสรรคสำคัญ ผู้ประกอบการควรเพิ่มความหลากหลายและปรับราคาสินค้าที่ยั่งยืนให้เข้าถึงได้มากขึ้น
ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัว ผู้บริโภคระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น โดยเลือกซื้อสินค้าจำเป็นก่อนและชะลอการซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย กลุ่มสินค้าแฟชั่นและ Home & Garden ที่มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างช้า ๆ เนื่องจากเป็นสินค้าที่ไม่จำเป็น
ธุรกิจค้าปลีกในไทยยังมีแนวโน้มเติบโตได้ดีในปี 2568 แม้ว่าอุปสรรคด้านเศรษฐกิจและพฤติกรรมการบริโภคจะยังคงมีอยู่ แต่การสนับสนุนจากนโยบายเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยส่งเสริมการเติบโตในอนาคต