ราคาโลหะเงิน (XAG/USD) กำลังแสดงการขาดทุนเล็กน้อยในวันพุธ โดยถูกกดดันจากอารมณ์ตลาดที่สดใส ซึ่งทำให้ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยลดลง และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกำลังซื้อขายสูงขึ้นทั่วทั้งตลาด จากการคลี่คลายความตึงเครียดทางการค้า หลังจากที่ทรัมป์ตัดสินใจเลื่อนการเก็บภาษีไปยังยุโรป และตัวเลขความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่สดใสที่เห็นเมื่อวันอังคาร
อารมณ์การรับความเสี่ยงได้ชดเชยข้อมูลคำสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐฯ ที่อ่อนแอ และผลักดันความกังวลเกี่ยวกับหนี้สินไปอยู่ในเบาะหลัง อย่างน้อยในขณะนี้ ไฮไลท์ในวันนี้คือการเปิดเผยบันทึกการประชุมของเฟดในเดือนพฤษภาคมที่จะให้เบาะแสเพิ่มเติมเกี่ยวกับขั้นตอนถัดไปของธนาคาร
XAU USD ถูกจำกัดที่จุดสูงสุดของกรอบการซื้อขายในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ที่ $33.70 และตอนนี้กำลังปรับฐานลง ต่ำกว่าจุดสูงสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วยืนยันแนวโน้มขาลงในทันที แม้ว่าแนวรับที่บริเวณ $32.80 จะดูแข็งแกร่ง
คู่เงินกำลังดิ้นรนเพื่อหาการยอมรับเหนือ $33.35 และยังคงเคลื่อนไหวอยู่ภายในกรอบของวันอังคาร แนวต้านที่ $33.50 (จุดสูงสุดวันที่ 23, 26 และ 27 พฤษภาคม) น่าจะยังคงกดดันหมี ก่อนที่จุดสูงสุดของช่องแนวนอนที่กล่าวถึงที่ $33.70
ในด้านลบ การตอบสนองขาลงต่ำกว่า $32.80 จะทำให้ $32.15 เป็นจุดสนใจ
แร่เงินเป็นโลหะมีค่าที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนอย่างมากในหมู่นักลงทุน ในอดีต โลหะเงินถูกใช้เป็นสินทรัพย์สะสมมูลค่าและเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน แม้ว่าจะได้รับความนิยมน้อยกว่าทองคํา แต่นักลงทุนอาจหันไปใช้โลหะเงินเพื่อกระจายพอร์ตการลงทุนของตนเพื่อสะสมมูลค่า หรือเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่มีอัตราเงินเฟ้อสูง นักลงทุนสามารถซื้อโลหะเงินจริงในรูปแบบของเหรียญ ในรูปแบบของแท่งหรือซื้อขายผ่านตัวกลางเช่น Exchange Traded Funds ซึ่งอ้างอิงราคาโลหะเงินในตลาดต่างประเทศ
ราคาโลหะเงินสามารถเคลื่อนไหวได้จากปัจจัยหลายประการ ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์หรือความกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงอาจทําให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นจากสถานะสินทรัพย์ปลอดภัย แม้ว่าจะได้รับความสนใจน้อยกว่าทองคําก็ตาม ในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทน โลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง การเคลื่อนไหวของโลหะเงินยังขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของดอลลาร์สหรัฐ (USD) เพราะสินทรัพย์โลหะเงินซื้อขายด้วยราคาเป็นดอลลาร์ (XAGUSD) ดอลลาร์ที่แข็งค่ามีแนวโน้มที่จะรักษาราคาโลหะเงินไว้ แต่หากดอลลาร์อ่อนค่าลง มีแนวโน้มที่จะผลักดันราคาโลหะเงินให้สูงขึ้น ปัจจัยอื่นๆ เช่น อุปสงค์การลงทุน อุปทานการขุด (โลหะเงินมีมากกว่าทองคํามาก) และอัตราการนำกลับมาใช้ก็อาจส่งผลต่อราคาโลหะเงินได้เช่นกัน
โลหะเงินมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนต่างๆ เช่น อิเล็กทรอนิกส์หรือพลังงานแสงอาทิตย์ เนื่องจากโลหะเงินสามารถนําไฟฟ้าได้สูงที่สุดชนิดหนึ่งเมื่อเทียบกับโลหะทั้งหมด มากกว่าทองแดงและทองคํา ความต้องการโลหะที่เพิ่มขึ้นสามารถทำให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นได้ การเปลี่ยนแปลงในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จีน และอินเดียยังสามารถส่งผลต่อการแกว่งตัวของราคาโลหะเงิน ในสหรัฐฯ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจีน ภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของพวกเขาใช้โลหะเงินในกระบวนการต่างๆ ในอินเดีย ความต้องการโลหะมีค่าของผู้บริโภคเพื่อเอาไปสร้างเครื่องประดับก็มีบทบาทสําคัญในการกําหนดราคาโลหะเงินเช่นกัน
ราคาโลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวตามราคาทองคํา เมื่อราคาทองคําสูงขึ้น โลหะเงินมักจะเคลื่อนไหวามความเหมาะสม อย่างไรก็ตาม สถานะของสินทรัพย์ทั้งสองไม่ได้อยู่ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีความคล้ายคลึงกัน อัตราส่วนเปรียบเทียบทองคําและโลหะเงินจะให้ข้อมูลของจํานวนออนซ์ของโลหะเงินที่จําเป็นเพื่อให้เท่ากับมูลค่าของทองคําหนึ่งออนซ์ อัตราส่วนเปรียบทียบนี้อาจช่วยในการกําหนดการประเมินมูลค่าสัมพัทธ์ระหว่างโลหะทั้งสอง นักลงทุนบางคนอาจพิจารณาว่าหากอัตราส่วนนี้สูง จะหมายความว่าโลหะเงินมีมูลค่าต่ำเกินไป หรือทองคํามีมูลค่าสูงเกินไป ในทางตรงกันข้าม อัตราส่วนที่ต่ำอาจบ่งบอกว่าทองคํามีมูลค่าต่ำกินไปเมื่อเทียบกับโลหะเงิน