Investing.com — กองทุนที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนกําลังระงับการลงทุนใหม่ในกองทุนเอกชนของสหรัฐฯ ตามรายงานของ Financial Times (FT) เมื่อวันจันทร์ ซึ่งถือเป็นการยกระดับการตอบโต้ล่าสุดของจีนต่อนโยบายการค้าเชิงรุกของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
รายงานระบุว่านักลงทุนรายใหญ่หลายรายของจีนได้หยุดการสนับสนุนเงินทุนให้กับกองทุนที่บริหารโดยบริษัทเอกชนในสหรัฐฯ เมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่ได้รับแรงกดดันจากปักกิ่ง
ในบางกรณี นักลงทุนยังขอให้ตัดพวกเขาออกจากดีลในสหรัฐฯ ทั้งหมด แม้ว่าการลงทุนนั้นจะนําโดยบริษัทที่ไม่ใช่ของอเมริกัน ตามรายงานของ FT
การเปลี่ยนทิศทางนี้เกิดขึ้นในขณะที่ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกยังคงเพิ่มสูงขึ้น
ในช่วงสามสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลทรัมป์ได้ประกาศเก็บภาษีนําเข้าสูงถึง 145% สําหรับสินค้าจากจีน ในขณะที่ปักกิ่งตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีสูงถึง 125%
รายงานของ FT ระบุว่ากองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของจีนเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ของบริษัทเอกชนชั้นนําของสหรัฐฯ รวมถึง Blackstone (NYSE:BX), TPG Inc (NASDAQ:TPG), และ Carlyle Group Inc (NASDAQ:CG)
ในบางกรณี การถอนตัวนี้รวมถึงการละทิ้งการจัดสรรเงินทุนที่อยู่ระหว่างการพิจารณาแต่ยังไม่ได้สรุป
หนึ่งในสถาบันที่กําลังถอนตัวคือ China Investment Corporation (CIC) ตามรายงาน กองทุนอื่นๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐก็มีท่าทีคล้ายกัน
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อุปสรรคด้านกฎระเบียบได้จํากัดการลงทุนโดยตรงของจีนในบริษัทและโครงสร้างพื้นฐานของตะวันตก ช่องทางทางอ้อม เช่น การเป็นหุ้นส่วนจํากัดในกองทุนเอกชน ยังคงเป็นหนึ่งในเส้นทางที่เป็นไปได้ไม่กี่เส้นทางของปักกิ่งในการนําเงินทุนไปลงทุนในต่างประเทศ
FT เน้นย้ําว่านักลงทุนจีนเคยสนับสนุนบริษัทชั้นนําอย่าง Global Infrastructure Partners ซึ่งปัจจุบันเป็นของ BlackRock (NYSE:BLK) รวมถึง Thoma Bravo, Vista Equity Partners, Carlyle และ Blackstone
ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา นักลงทุนที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน เช่น CIC และ State Administration of Foreign Exchange (SAFE) มีบทบาทสําคัญในการผลักดันการเติบโตของกองทุนเอกชนของสหรัฐฯ ซึ่งเคยเป็นเพียงภาคส่วนเล็กๆ แต่ปัจจุบันบริหารเงินถึง 4.7 พันล้านดอลลาร์
ตามข้อมูลของ Global SWF ณ ปี 2023 ทั้ง CIC และ Safe มีการจัดสรรทรัพย์สินประมาณ 25% จากทรัพย์สินทั้งหมด 1.35 พันล้านดอลลาร์ และ 1 พันล้านดอลลาร์ ตามลําดับ ไปยังการลงทุนทางเลือก
บทความนี้ถูกแปลโดยใช้ความช่วยเหลือจากปัญญาประดิษฐ์(AI) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดอ่านข้อกำหนดการใช้งาน