Investing.com — นักยุทธศาสตร์ของบาร์เคลย์ได้ปรับอัปเกรดหุ้นยุโรปคุณภาพสูง (Quality European stocks) เป็นเชิงบวก ในขณะที่ลดระดับหุ้นวัฒว์ (Value) เป็นการคงสัดส่วนการลงทุน ท่ามกลางความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่เพิ่มขึ้น
การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นหลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกประสบกับการลดลงในเดือนมีนาคม และยังคงเผชิญความท้าทายต่อเนื่องไปถึงเดือนเมษายน ซึ่งได้รับผลกระทบจากการประกาศภาษีนําเข้าและความไม่แน่นอนของนโยบาย
"การหยุดพักเป็นเวลา 90 วันจากการขึ้นภาษีตอบโต้ที่สูงขึ้นเป็นการบรรเทาที่น่ายินดี แต่ไม่ได้หมายความว่าเรื่องราวจะจบลงแล้ว" นักยุทธศาสตร์นําโดย Emmanuel Cau กล่าวในบันทึก
"นโยบายและการบริหารที่ไม่แน่นอนอาจจํากัดการเติบโต ในขณะที่ตลาดพันธบัตรที่ผันผวนและดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงบั่นทอนความเชื่อมั่น" พวกเขากล่าวเพิ่มเติม
หุ้นคุณภาพสูงมีผลการดําเนินงานที่ล้าหลังในเดือนมีนาคม แต่เริ่มมีผลการดําเนินงานที่ดีกว่าหลังจากการประกาศภาษีในวัน 'Liberation Day'
การประเมินความเสี่ยงด้านเครดิตใหม่ ซึ่งเกิดจากปัญหาในตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ ทําให้นักลงทุนให้ความสําคัญกับงบดุลของบริษัทมากขึ้น ตามความเห็นของ Cau การตรวจสอบงบดุลของนักลงทุนทําให้คุณภาพมีความสําคัญต่อการคัดเลือกหุ้น
ในขณะที่มีการอัปเกรดหุ้นคุณภาพสูง บาร์เคลย์ได้ปรับลดระดับหุ้นวัฒว์เป็นการคงสัดส่วนการลงทุนจากเชิงบวก การปรับเปลี่ยนนี้สะท้อนถึงผลการดําเนินงานที่แข็งแกร่งของหุ้นวัฒว์ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ซึ่งอาจนําไปสู่การวางตําแหน่งทางยุทธวิธีที่แออัดและความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่เพิ่มขึ้น
สําหรับระยะยาว บาร์เคลย์ยังคงมองแนวโน้มเชิงบวกสําหรับหุ้นวัฒว์
ในขณะเดียวกัน ธนาคารเพื่อการลงทุนยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อปัจจัยด้านขนาด (Size factor) และตะกร้าผสมระหว่างคุณภาพและอัตราผลตอบแทน (Quality-Yield)
หุ้นความผันผวนต่ํา (Low Volatility) มีผลการดําเนินงานที่ดีกว่าในช่วงที่ผ่านมา แต่ด้วยความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่ยังคงอยู่ พวกเขายังคงเป็นกลางต่อปัจจัยนี้ ในขณะที่เห็นโอกาสเติบโตมากขึ้นสําหรับหุ้นคุณภาพสูง
แม้จะมีความผันผวนในตลาดเมื่อเร็วๆ นี้ ปัจจัยด้านขนาดมีผลการดําเนินงานที่ดีเนื่องจากการเปิดรับในสหภาพยุโรปในประเทศและความแออัดต่ํา
หุ้นเติบโต (Growth) มีผลการดําเนินงานที่ล้าหลังในช่วงเดือนที่ผ่านมา โดยหุ้นที่มีการเติบโตสูงยังคงดูมีราคาแพงและถือครองอย่างกว้างขวาง แม้ว่านักยุทธศาสตร์มองว่าผลการดําเนินงานที่ต่ํากว่าเกณฑ์ล่าสุดนั้นค่อนข้างเกินจริงไปบ้าง
บทความนี้ถูกแปลโดยใช้ความช่วยเหลือจากปัญญาประดิษฐ์(AI) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดอ่านข้อกำหนดการใช้งาน