tradingkey.logo

จีน: 'ตลาดได้พูดแล้ว' ทรัมป์ตอบกลับ: 'เราจะชนะ'

Investing.com5 เม.ย. 2025 เวลา 14:23

Investing.com — กระทรวงการต่างประเทศจีนเรียกร้องให้สหรัฐอเมริกาถอยห่างจากความตึงเครียดทางการค้าที่กําลังทวีความรุนแรงในวันเสาร์ โดยระบุว่า "ตลาดได้พูดแล้ว" หลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงอย่างรุนแรงอีกครั้ง

ความเห็นดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่ปักกิ่งได้ประกาศใช้มาตรการภาษีตอบโต้ และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐอเมริกาได้ออกมาปกป้องกลยุทธ์ของเขาผ่านโพสต์บนโซเชียลมีเดีย

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กัว เจียคุน ได้โพสต์ข้อความบน Facebook (แนสแด็ก:META) หลังจากตลาดดิ่งลงอย่างกว้างขวางในวันศุกร์ ซึ่งทําให้ดัชนีหลักทั้งสามของสหรัฐอเมริการ่วงลงมากกว่า 5%

"สงครามการค้าและภาษีที่สหรัฐอเมริกาเริ่มต้นกับโลกนั้นเป็นการกระทําที่ไม่มีการยั่วยุและไม่มีความชอบธรรม" กัวเขียน พร้อมแชร์ภาพที่อ้างอิงถึงการดิ่งลงล่าสุดของหุ้นสหรัฐฯ

มาตรการล่าสุดของปักกิ่ง—การเก็บภาษี 34% กับสินค้านําเข้าทั้งหมดจากสหรัฐอเมริกาเริ่มตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน—ได้ถูกประกาศเมื่อวันศุกร์โดยกระทรวงการคลังของจีน

มาตรการนี้ถือเป็นการยกระดับความขัดแย้งทางการค้าที่ดําเนินอยู่และเพิ่มความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับเงินเฟ้อ ภาวะเศรษฐกิจถดถอย และความเสี่ยงที่กว้างขึ้นต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก

"ตลาดได้พูดแล้ว" กัวกล่าว พร้อมเรียกร้องให้วอชิงตันแก้ไขข้อพิพาททางการค้าผ่าน "การปรึกษาหารือบนพื้นฐานความเท่าเทียม"

ในการตอบโต้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐอเมริกาได้โพสต์บน Truth Social เพื่อปกป้องนโยบายภาษีและปฏิเสธปฏิกิริยาของจีน

"จีนได้รับผลกระทบหนักกว่าสหรัฐอเมริกามาก ไม่ใกล้เคียงกันเลย" ทรัมป์เขียน "เรากําลังนํางานและธุรกิจกลับมาเหมือนไม่เคยมีมาก่อน... นี่คือการปฏิวัติทางเศรษฐกิจ และเราจะชนะ"

ทรัมป์เสริมว่าสหรัฐอเมริกาไม่ใช่ "เสาหลักรับการเฆี่ยนตี" ของการค้าโลกอีกต่อไป และเรียกร้องให้ชาวอเมริกัน "อดทน" แม้จะมีความผันผวนในตลาด

นักลงทุนกําลังเตรียมรับมือกับความผันผวนที่มากขึ้น ในขณะที่ตลาดกําลังประเมินผลกระทบของการเก็บภาษีที่ครอบคลุมและการขาดการบรรเทาทางการทูตในระยะใกล้

บทความนี้ถูกแปลโดยใช้ความช่วยเหลือจากปัญญาประดิษฐ์(AI) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดอ่านข้อกำหนดการใช้งาน

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลที่ให้ไว้บนเว็บไซต์นี้มีไว้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการศึกษาและให้ข้อมูลเท่านั้น และไม่ควรถือเป็นคำแนะนำทางการเงินหรือการลงทุน

บทความที่เกี่ยวข้อง

KeyAI