tradingkey.logo

หุ้นร่วงหนักเมื่อภาษีของทรัมป์ 'ตรงกับสถานการณ์เลวร้ายที่สุด'

Investing.com3 เม.ย. 2025 เวลา 16:19

Investing.com — วันพุธที่ผ่านมามีการประกาศมาตรการภาษีใหม่ ซึ่งตามความเห็นของ Thomas Thornton นักยุทธศาสตร์จาก Bank of America ตรงกับ "สถานการณ์เลวร้ายที่สุด"

ณ เวลา 11:47 น. S&P 500 ปรับตัวลดลง 215 จุด หรือลดลง 3.8% Nasdaq 100 ลดลงประมาณ 5% ในขณะที่ Dow Jones Industrial Average ดิ่งลง 1,330 จุด หรือ 3.1%

อัตราภาษีที่มีผลบังคับใช้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 20% แม้ว่าทีมนักวิเคราะห์ของ BofA คาดการณ์ว่าการเจรจาจะนําไปสู่การลดภาษีบางส่วน เนื่องจากฝ่ายบริหารมุ่งที่จะทําข้อตกลงเฉพาะรายประเทศกับประเทศอื่นๆ นอกเหนือจากจีน

หากภาษียังคงอยู่ในระดับนี้ ทีมของ BofA คาดการณ์ว่าจะทําให้เงินเฟ้อในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 1-1.5% และส่งผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศในระดับเดียวกัน ซึ่งจะทําให้เศรษฐกิจ "อยู่บนขอบของภาวะถดถอย" Thornton กล่าวเสริม

แรงกดดันด้านเงินเฟ้ออาจทําให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ลําบากในการลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2025 ในขณะที่การชะลอตัวทางเศรษฐกิจอาจจําเป็นต้องมีการลดอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรงในปี 2026

นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์ว่าภาษีจะทําให้การคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกลดลงอย่างน้อย 50 เบสิสพอยต์จากความคาดหวังปัจจุบันที่ 3.1%

ทีมกลยุทธ์หุ้นสหรัฐฯ ของธนาคารประเมินว่ากําไรของ S&P อาจลดลงในช่วง 5% ถึง 35% ขึ้นอยู่กับระดับของมาตรการตอบโต้จากประเทศคู่ค้า

ด้วยการประกาศมาตรการภาษี ความไม่แน่นอนบางส่วนได้ถูกขจัดออกไป เนื่องจากอัตราและวันที่บังคับใช้เป็นที่ทราบแล้ว ซึ่งเป็นพื้นฐานสําหรับการเจรจาในอนาคต

ตลาดอัตราดอกเบี้ยกําลังปรับตัวต่อความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของภาวะเศรษฐกิจชะงักงันพร้อมเงินเฟ้อ และกําลังคาดการณ์การลดอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 75 เบสิสพอยต์สําหรับปี 2025 สะท้อนความเชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะให้ความสําคัญกับความเสี่ยงด้านการเติบโตมากกว่าความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ

Thornton ยังกล่าวอีกว่าการประกาศมาตรการภาษีเกิดขึ้นพร้อมกับการเปิดเผยแผนงานของวุฒิสภา ซึ่งอาจไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ภาษีอาจถูกมองว่าเป็นเครื่องมือในการสร้างรายได้เพื่อชดเชยการขาดดุลที่ใหญ่ขึ้นตามที่แผนงานระบุ

อย่างไรก็ตาม หากมีการนําแผนงานมาใช้ อาจเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับความยั่งยืนของหนี้สหรัฐฯ โดยเฉพาะหากภาษีนําไปสู่การลดลงของความต้องการพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และทําให้การเติบโตของสหรัฐฯ ชะลอตัวลง

บทความนี้ถูกแปลโดยใช้ความช่วยเหลือจากปัญญาประดิษฐ์(AI) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดอ่านข้อกำหนดการใช้งาน

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลที่ให้ไว้บนเว็บไซต์นี้มีไว้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการศึกษาและให้ข้อมูลเท่านั้น และไม่ควรถือเป็นคำแนะนำทางการเงินหรือการลงทุน

บทความที่เกี่ยวข้อง

KeyAI