Investing.com — ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป อูร์ซูลา ฟอน เดอร์ ไลเอน วิจารณ์มาตรการภาษีที่ครอบคลุมของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์อย่างรุนแรง โดยเรียกว่าเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงต่อเศรษฐกิจโลก
เธอเตือนว่าสหภาพยุโรปพร้อมที่จะตอบโต้หากการเจรจากับวอชิงตันล้มเหลว
ในการกล่าวที่เมืองซามาร์คานด์ของอุซเบกิสถานเมื่อวันพฤหัสบดี ก่อนการประชุมสุดยอดความเป็นหุ้นส่วนสหภาพยุโรป-เอเชียกลาง ฟอน เดอร์ ไลเอน ยืนยันว่าบรัสเซลล์กําลังจัดทําชุดมาตรการตอบโต้เบื้องต้นที่มุ่งเป้าไปที่ภาษีเหล็กของสหรัฐฯ
"เรากําลังจัดทําแพ็คเกจแรกของมาตรการตอบโต้ต่อภาษีเหล็กเสร็จสิ้นแล้ว" เธอกล่าว "และตอนนี้เรากําลังเตรียมมาตรการตอบโต้เพิ่มเติมเพื่อปกป้องผลประโยชน์และธุรกิจของเราหากการเจรจาล้มเหลว"
เธอไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเฉพาะเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของสหภาพยุโรป แต่กลุ่มนี้เตรียมที่จะเรียกเก็บภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ มูลค่าสูงถึง 26 พันล้านยูโรในเดือนนี้ เพื่อตอบโต้การเรียกเก็บภาษีเหล็กและอลูมิเนียมของวอชิงตัน ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 12 มีนาคม
นโยบายการค้าล่าสุดของทรัมป์ที่ประกาศเมื่อวันพุธ กําหนดภาษีขั้นต่ํา 10% สําหรับสินค้านําเข้าส่วนใหญ่ โดยสหภาพยุโรปเผชิญกับอัตราที่สูงกว่าถึง 20%
การเคลื่อนไหวดังกล่าวได้ทําให้ความตึงเครียดทางการค้าทั่วโลกเพิ่มขึ้น สร้างความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่สูงขึ้นและการชะลอตัวทางเศรษฐกิจทั้งในสหรัฐฯ และทั่วโลก
ฟอน เดอร์ ไลเอน ประณามการตัดสินใจดังกล่าว โดยเตือนถึง "ผลกระทบอันใหญ่หลวง" ต่อเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสําหรับประเทศที่มีความเปราะบางซึ่งต้องเผชิญกับภาษีสหรัฐฯ ที่สูงที่สุด
สิ่งนี้จะเพิ่มความไม่แน่นอนและส่งเสริมการปกป้องทางการค้ามากขึ้น เธอเตือน โดยเน้นถึงความเป็นไปได้ของราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่สูงขึ้นสําหรับสินค้าที่จําเป็น เช่น อาหาร ยา และการขนส่ง รวมถึงการหยุดชะงักสําหรับธุรกิจ
"ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนจะไม่มีความเป็นระเบียบในความไร้ระเบียบ ไม่มีเส้นทางที่ชัดเจนสู่ความซับซ้อนและความวุ่นวายที่กําลังเกิดขึ้น เนื่องจากคู่ค้าทางการค้าของสหรัฐฯ ทั้งหมดได้รับผลกระทบ" เธอกล่าวเสริม
แม้จะมีการวิจารณ์อย่างรุนแรง ฟอน เดอร์ ไลเอน ยอมรับความกังวลของทรัมป์เกี่ยวกับความไม่สมดุลทางการค้าทั่วโลกและส่งสัญญาณถึงความเต็มใจที่จะหารือเกี่ยวกับการปฏิรูป เธอกล่าวว่ายังไม่สายเกินไปที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ผ่านการเจรจา
บทความนี้ถูกแปลโดยใช้ความช่วยเหลือจากปัญญาประดิษฐ์(AI) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดอ่านข้อกำหนดการใช้งาน