Investing.com - สกุลเงินเอเชียส่วนใหญ่เคลื่อนไหวเล็กน้อยในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับการขึ้นภาษีการค้าของสหรัฐภายใต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขณะที่ดอลลาร์ทรงตัวก่อนการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่สำคัญ
สกุลเงินในภูมิภาคยังเผชิญแรงกดดันจากคำแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐช เจอโรม พาวเวลล์ ที่ระบุว่าเฟดยังไม่มีแผนเร่งรีบในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
อย่างไรก็ตาม เงินดอลลาร์ปรับลดลงในช่วงการซื้อขายข้ามคืน เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากการแข็งค่าที่ได้รับแรงหนุนจากการขึ้นภาษีของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งทำให้สกุลเงินเอเชียมีช่องว่างในการฟื้นตัวเล็กน้อย
เงินเยนของญี่ปุ่นถือเป็นสกุลเงินที่เคลื่อนไหวแตกต่างจากค่าเงินเอเชียอื่น ๆ โดยอ่อนค่าลงอย่างมากในวันนี้ หลังแข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 เดือนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
คู่สกุลเงิน USD/JPY ปรับตัวขึ้น 0.8% มาเป็น 153.64 เยนต่อดอลลาร์
ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) คาซูโอะ อุเอดะ ระบุว่า BOJ จะยังคงมุ่งเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% ต่อไป แม้ว่าเขาจะมีท่าทีที่ไม่ hawkish เท่ากับคำแถลงของเขาก่อนหน้านี้
อุเอดะยังกล่าวถึงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายของสหรัฐภายใต้รัฐบาลทรัมป์ และระบุว่า BOJ กำลังรอดูผลกระทบทางเศรษฐกิจจากนโยบายดังกล่าว
แม้เงินเยนจะได้รับแรงหนุนจากสัญญาณเชิง hawkish ของ BOJ ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่สกุลเงินก็เผชิญกับแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ปรับตัวสูงขึ้นในสัปดาห์นี้
สกุลเงินเอเชียโดยรวมเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่พาวเวลล์กล่าวต่อคณะกรรมาธิการธนาคารของวุฒิสภาเมื่อวันอังคารว่าเฟดยังไม่รีบปรับลดอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง และเศรษฐกิจสหรัฐยังมีความแข็งแกร่ง
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD/USD) เพิ่มขึ้น 0.2% ขณะที่ค่าเงินหยวนจีน (USD/CNY) ทรงตัวที่ประมาณ 7.31 หยวนต่อดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์สิงคโปร์ (USD/SGD) และเงินวอนเกาหลีใต้ (USD/KRW) เคลื่อนไหวเล็กน้อย
ค่าเงินรูปีของอินเดีย (USD/INR) ปรับตัวลดลง 0.5% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องมีการคาดการณ์ว่าจากธนาคารกลางอินเดีย (NSE:BOI) อาจทำการแทรกแซงในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อพยุงค่าเงิน
ดัชนีดอลลาร์ และ ดัชนีดอลลาร์ฟิวเจอร์ส ขยับขึ้นเล็กน้อยในตลาดเอเชีย เนื่องจากนักลงทุนเริ่มเทขายทำกำไรหลังจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์
เงินดอลลาร์ได้รับแรงหนุนจากการที่ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษี 25% สำหรับการนำเข้าอะลูมิเนียมและเหล็กในสัปดาห์นี้ นอกจากนี้ เขายังส่งสัญญาณว่าจะเรียกเก็บภาษีตอบโต้กับประเทศคู่ค้าหลักของสหรัฐ และเตือนว่าภาษีที่กำหนดไว้ในขณะนี้อาจเพิ่มขึ้นได้อีก
ข่าวเกี่ยวกับมาตรการภาษีได้ช่วยหนุนเงินดอลลาร์ เนื่องจากมาตรการดังกล่าวมักส่งผลให้เงินดอลลาร์ได้เปรียบในการค้าระหว่างประเทศ
นักลงทุนยังคาดการณ์ว่าภาษีที่กำหนด ซึ่งส่วนใหญ่จะถูกผลักภาระไปยังผู้นำเข้าสินค้าในสหรัฐ อาจทำให้เงินเฟ้อสหรัฐเพิ่มขึ้นในระยะยาว ส่งผลให้เฟดต้องคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงไว้ต่อไป
ดังนั้น ขณะนี้ตลาดจึงกำลังจับตาข้อมูลเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐประจำเดือนมกราคม ซึ่งมีกำหนดการณ์เปิดเผยในวันนี้ โดยตัวเลขดังกล่าวคาดว่าจะทรงตัวจากเดือนธันวาคม ท่ามกลางสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่าเงินเฟ้อยังคงสูงกว่าระดับเป้าหมายของเฟด
นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs คาดว่า core CPI ซึ่งเป็นดัชนีเงินเฟ้อพื้นฐานที่ไม่รวมสินค้าราคาผันผวน อาจออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้เล็กน้อย