NZD/USD ปรับตัวลดลงจากการปรับตัวขึ้นในช่วงก่อนหน้า เคลื่อนไหวใกล้ 0.5650 ในช่วงเช้าของตลาดลงทุนยุโรปวันอังคาร คู่สกุลเงินนี้มีความผันผวนเนื่องจากวันเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ สร้างความเคลื่อนไหวในตลาด
ดอลลาร์สหรัฐ (USD) แข็งค่าขึ้นหลังจากมีรายงานว่าทรัมป์วางแผนให้หน่วยงานรัฐบาลกลางทบทวนนโยบายภาษีศุลกากรและประเมินความสัมพันธ์ทางการค้าของสหรัฐฯ กับแคนาดา เม็กซิโก และจีนใหม่
อย่างไรก็ตาม NZD/USD ได้รับแรงหนุนบ้างเมื่อเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ซึ่งเกิดจากความพยายามของทรัมป์ในการเสริมสร้างความสัมพันธ์กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ข้อตกลง TikTok และการบ่งชี้ถึงท่าทีที่อ่อนลงเกี่ยวกับภาษีศุลกากร
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าว "หากเราทำข้อตกลง TikTok และจีนไม่อนุมัติ เราอาจจะเก็บภาษีศุลกากรกับจีน" คำพูดนี้เกิดขึ้นหลังจากที่เขาลงนามในคำสั่งบริหารเลื่อนการบังคับใช้การแบน TikTok ออกไป 75 วัน เนื่องจากความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างจีนและนิวซีแลนด์ใกล้ชิดกัน การเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในเศรษฐกิจของจีนอาจส่งผลกระทบต่อตลาดของนิวซีแลนด์
ในขณะเดียวกัน ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) เผชิญแรงกดดันขาลงเนื่องจากข้อมูลของ Business NZ รายงานการลดลงของดัชนี Performance of Services Index (PSI) ของประเทศ ดัชนี PSI ลดลงสู่ 47.9 ในเดือนธันวาคมจาก 49.5 ในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นการหดตัวต่อเนื่องเป็นสิบเดือนติดต่อกัน
เทรดเดอร์จะรอดูข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในวันพุธอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อประจำปีคาดว่าจะลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2021 ตลาดกำลังคาดการณ์ความเป็นไปได้ 80% ว่าธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก 4.25% เป็น 3.75% ในเดือนหน้า
ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) หรือที่เรียกกันในชื่อเล่นว่ากีวี เป็นสกุลเงินที่ซื้อขายกันดีในหมู่นักลงทุน มูลค่าของสกุลเงินดังกล่าวถูกกําหนดโดยความแข็งแรงของเศรษฐกิจนิวซีแลนด์และนโยบายจากธนาคารกลางภายในประเทศ ถึงกระนั้น ก็มีปัจจัยเฉพาะบางอย่างที่สามารถทําให้ NZD เคลื่อนไหวได้อย่างเช่น ผลการดําเนินงานของเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มที่จะขยับราคากีวี เนื่องจากจีนเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของนิวซีแลนด์ เช่นหากมีข่าวร้ายสําหรับเศรษฐกิจจีนก็มักจะหมายถึงการส่งออกของนิวซีแลนด์ไปยังประเทศจีนที่จะน้อยลง และส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจและค่าเงิน อีกปัจจัยหนึ่งที่ทําให้ NZD เคลื่อนไหวอย่างเจาะจงคือราคานม เนื่องจากอุตสาหกรรมนมเป็นสินค้าส่งออกหลักของนิวซีแลนด์ ราคานมที่สูงช่วยเพิ่มรายได้จากการส่งออก ซึ่งเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจและต่อสกุลเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์
ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) ตั้งเป้าที่จะบรรลุและรักษาอัตราเงินเฟ้อระหว่าง 1% ถึง 3% ในระยะกลาง โดยมุ่งเน้นที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ใกล้จุดกึ่งกลางที่ 2% ด้วยเหตุนี้ธนาคารจึงจะกําหนดระดับอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม เมื่ออัตราเงินเฟ้อสูงเกินไป RBNZ จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเพื่อทําให้เศรษฐกิจเย็นตัวลง แล้วการดำเนินการดังกล่าวจะทําให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้นเพิ่มความน่าสนใจของนักลงทุนที่จะลงทุนในประเทศและช่วยหนุนค่าเงิน NZD ในทางตรงกันข้าม อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงมีแนวโน้มที่จะทำให้ NZD อ่อนค่าลง ด้านส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยหรือที่เรียกว่า Rate Differential ในนิวซีแลนด์คือระดับของอัตราดอกเบี้ยในนิวซีแลนด์หรือที่ธนาคารกลางคาดการณ์ เทียบกับอัตราดอกเบี้ยที่เป็นหรือกําหนดโดยธนาคารกลางสหรัฐ ยังสามารถมีบทบาทสําคัญในการขยับคู่เงิน NZD/USD
การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจระดับมหภาคในนิวซีแลนด์เป็นกุญแจสําคัญในการประเมินสถานะทางเศรษฐกิจและอาจส่งผลกระทบต่อการประเมินมูลค่าของดอลลาร์นิวซีแลนด์ได้ เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งบนพื้นฐานของการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง การว่างงานต่ำและความเชื่อมั่นนักลงทุนที่สูงเป็นปัจจัยบวกสําหรับ NZD การเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและอาจกระตุ้นให้ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจนี้มาพร้อมกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ในทางกลับกันหากข้อมูลเศรษฐกิจอ่อนแอ สกุลเงิน NZD ก็มีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลง
ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) มีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นในช่วงที่ต้องมีความกล้าเสี่ยง หรือแม้เมื่อนักลงทุนรับรู้ว่าความกล้าเสี่ยงของด้านตลาดในวงกว้างอยู่ในระดับต่ำแต่มีการมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับอนาคตการเติบโต สถานการณ์นี้ก็มีแนวโน้มที่จะนําไปสู่แนวโน้มเชิงบวกมากขึ้นสําหรับสินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ และสกุลเงินแบบที่เรียกว่า 'สกุลเงินสายสินค้าโภคภัณฑ์' อย่างเช่นกีวีด้วย NZD มีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลงในช่วงเวลาที่ตลาดปั่นป่วนหรือมีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ เนื่องจากนักลงทุนมักจะขายสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงและหลบไปถือสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีเสถียรภาพมากกว่า