TradingKey – รายงาน Nonfarm Payrolls เดือนมิถุนายน 2025 ของสหรัฐฯ ที่เผยแพร่โดยสำนักงานสถิติแรงงาน (BLS) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 3 กรกฎาคม สร้างความประหลาดใจให้ตลาดด้วยการเติบโตของการจ้างงานที่สูงกว่าคาดและอัตราว่างงานที่ลดลง ซึ่งทำให้ความคาดหวังเรื่องการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดในเดือนกรกฎาคมแทบไม่มีอีกต่อไป
ตัวเลขสำคัญคือ
ข้อมูลเหล่านี้ย้ำว่าตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง และนักลงทุนก็เลิกเดิมพันการลดดอกเบี้ยในเดือนกรกฎาคมอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม ตัวชี้วัดเบื้องลึกบางประการกลับสะท้อนว่าอาจมีความอ่อนแรงซ่อนอยู่ในตลาดแรงงาน
จากจำนวนงานใหม่ 147,000 ตำแหน่ง มีถึง 73,000 ตำแหน่งมาจากภาครัฐ ทั้งระดับรัฐและท้องถิ่น ในขณะที่การจ้างงานภาครัฐกลาง (federal) ลดลงเป็นเดือนที่ห้า
ภาคเอกชนสร้างงานได้เพียง 74,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าตัวเลขเดือนก่อนที่ 137,000 และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยคาดการณ์ที่ 100,000
นี่ถือเป็นการเติบโตการจ้างงานภาคเอกชนที่อ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่ตุลาคม 2024 ซึ่งช่วงนั้นมีผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคนและการนัดหยุดงานชั่วคราว
นักวิเคราะห์จาก Bloomberg ชี้ว่า แม้ว่าผู้คนยังคงต้องการงาน แต่โครงสร้างของการเติบโตในการจ้างงานดังกล่าวไม่ได้สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจกำลังทำงานเต็มประสิทธิภาพ
อัตราการว่างงานที่ลดลงอย่างไม่คาดคิดยังสร้างคำถามใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง
แอนนา วอง จาก Bloomberg ชี้ว่า อัตราการว่างงานที่ลดลงนั้นมีแนวโน้มสะท้อนการถอนตัวจากกำลังแรงงาน มากกว่าการสร้างงานที่แข็งแกร่ง ในความเป็นจริง โมเดลของ BLS อาจประเมินการเพิ่มขึ้นของการจ้างงานสูงเกินไปเนื่องจากการปรับสถิติ
อัตราการว่างงานของสหรัฐฯ เดือนมิถุนายน แหล่งที่มา: TradingKey
นักวิเคราะห์จาก Barclays เสริมว่า การลดลงของอัตราการว่างงานส่วนใหญ่เกิดจากการลดลงของการเข้าร่วมแรงงาน ขณะที่อัตราการจ้างงานไม่เต็มเวลา (underemployment) ยังคงอยู่ในระดับสูง บ่งชี้ถึงช่องว่างบางประการในตลาดแรงงาน
ตามคำนิยามของ BLS “ผู้ว่างงาน” คือผู้ที่พร้อมทำงานและหางานอย่างต่อเนื่องภายในสี่สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันมีผู้ที่ถูกจัดประเภทเป็น “ผู้สิ้นหวัง” (discouraged workers) ที่เลิกหางานเพราะมองหาโอกาสไม่พบ และ “ผู้ที่เกี่ยวข้องแต่ไม่แสวงหางาน” (marginally attached workers) ที่ไม่ได้หางานด้วยเหตุผลประการอื่น ๆ เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้แรงงานส่วนหนึ่งไม่ได้ใช้อย่างเต็มที่
นอกจากนี้ Barclays ยังระบุว่า อัตราการเติบโตของค่าจ้างชะลอลงอย่างต่อเนื่อง และจำนวนชั่วโมงทำงานเฉลี่ยต่อสัปดาห์ลดลงจาก 34.3 ชั่วโมง เหลือ 34.2 ชั่วโมง นำไปสู่รายได้รวมที่หยุดชะงัก ซึ่งก่อให้เกิดความกังวลต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่เริ่มชะลอตัว
UBS สรุปภาพรวมโดยอ้างถึงสัญญาณอันอ่อนแอในหลายด้าน:
ปัจจัยเหล่านี้บ่งชี้ว่าความต้องการแรงงานกำลังอ่อนตัวลง แม้ตัวเลขภาพรวมจะบอกเล่าเรื่องราวที่แตกต่างไปก็ตาม