tradingkey.logo

ธนาคารกลางสหรัฐฯยืนยันตัวเลขเงินเฟ้อ PCE ปี 2025 ทะลุ 3% – ปีเตอร์ ชิฟฟ์ชี้ การลดดอกเบี้ยคือต้นเหตุ ไม่ใช่ทางออก

TradingKey
ผู้เขียนEsteban Ma
19 มิ.ย. 2025 เวลา 12:27

TradingKey – แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐจะยังคงยืนยันว่าไม่มีภาวะเงินเฟ้อสูง พร้อมเดินหน้ากดดันนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐให้ลดดอกเบี้ยต่อไป แต่บทสรุปจากการประชุม FOMC เดือนมิถุนายนที่ผ่านมาภายใต้รายงาน SEP (Summary of Economic Projections) ยังคงสะท้อนความเสี่ยงของภาวะเงินเฟ้อฝืดตัว (stagflation) ที่เพิ่มขึ้น โดยมีการคาดการณ์ว่าดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) จะทะลุ 3% ในปี 2025 ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์มองว่าการลดดอกเบี้ยจะยิ่งทำให้เศรษฐกิจย่ำแย่ลง

เมื่อวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมา ธนาคารกลางสหรัฐได้มีมติคงอัตราดอกเบี้ยเงินกองทุนกลางไว้เป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกัน ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยในแถลงการณ์ล่าสุด ธนาคารกลางสหรัฐฯได้ปรับถ้อยคำเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจจาก “เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง” เป็น “ลดลงแต่ยังคงอยู่ในระดับสูง” และตัดข้อความเดิมที่สะท้อนถึงความเสี่ยงของการว่างงานและเงินเฟ้อที่อาจพุ่งสูงออกไป

อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์เศรษฐกิจและแผนผัง Dot Plot จากการประชุม FOMC ยังคงสะท้อนท่าทีที่แข็งกร้าว โดยแม้ผู้กำหนดนโยบายส่วนใหญ่ยังคงคาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปี 2025 แต่จำนวนเจ้าหน้าที่ที่ไม่คาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ยใดๆ เพิ่มขึ้นจาก 4 รายเป็น 7 ราย ขณะที่ผู้ที่คาดว่าจะลดเพียงหนึ่งครั้งเพิ่มขึ้นจาก 2 รายเป็น 4 ราย


Dot Plot จากการประชุม FOMC เดือนมิถุนายน, ที่มา: ธนาคารกลางสหรัฐฯ

นอกจากนี้ สมาชิก FOMC ยังแสดงความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวพร้อมเงินเฟ้อ โดยได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของ GDP ปี 2025 จาก 1.7% เหลือ 1.4% ปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราว่างงานจาก 4.4% เป็น 4.5% และปรับเพิ่มทั้งดัชนีเงินเฟ้อ PCE และ Core PCE จาก 2.7% เป็น 3.0%

ครั้งล่าสุดที่อัตราเงินเฟ้อ PCE รายปีของสหรัฐแตะระดับ 3% คือเดือนตุลาคม 2023 ขณะที่ข้อมูลล่าสุด ณ เดือนเมษายน 2025 อัตราเงินเฟ้อ PCE อยู่ที่เพียง 2.1% เท่านั้น


อัตราเงินเฟ้อ PCE รายปีของสหรัฐ, ที่มา: Trading Economics

การที่ธนาคารกลางสหรัฐฯปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อสะท้อนผลกระทบจากมาตรการขึ้นภาษีของทรัมป์ที่เริ่มส่งผลชัดเจน ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ เจอโรม พาวเวลล์ ระบุหลังการประชุมว่า ขณะนี้มีสัญญาณของเงินเฟ้อจากภาษีปรากฏแล้ว และคาดว่าจะเห็นผลชัดเจนยิ่งขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

มุมมองเศรษฐกิจสหรัฐ: ลดดอกเบี้ยหรือขึ้นดอกเบี้ย?

ก่อนผลประชุม FOMC จะประกาศออกมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้โจมตีพาวเวลล์อีกครั้ง โดยเรียกเขาว่า “คนโง่” พร้อมกล่าวหาว่าทำลายเศรษฐกิจสหรัฐเพราะไม่ยอมลดดอกเบี้ย ทรัมป์ระบุว่าเขาต้องการให้ต้นทุนการกู้ยืมในสหรัฐลดลงอย่างน้อย 2% และจะยินดีหากลดได้ถึง 2.5%

คำเรียกร้องของทรัมป์ในการลดดอกเบี้ยทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จากเดิม 100 จุดพื้นฐาน เพิ่มเป็น 200 จุด และล่าสุดถึง 250 จุด นักวิเคราะห์บางรายมองว่านี่เป็นกลยุทธ์ต่อรองมากกว่าความต้องการทางนโยบายที่แท้จริง คล้ายกับวิธีที่เขาใช้กับนโยบายภาษี

อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดัง ปีเตอร์ ชิฟฟ์ ไม่เชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐต้องการการลดดอกเบี้ยอย่างเร่งด่วน ในรายการโทรทัศน์เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน เขาระบุว่าอัตราเงินเฟ้อจริงน่าจะสูงกว่าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯคาดการณ์ไว้อย่างมาก และเศรษฐกิจสหรัฐก็มีแนวโน้มแย่กว่าที่คาด

ชิฟฟ์ชี้ให้เห็นว่า ต้นตอที่แท้จริงของเงินเฟ้อในปัจจุบันไม่ใช่แค่การขึ้นภาษีของทรัมป์ แต่เป็นผลสะสมจากนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อเนื่องมากว่าทศวรรษ

อัตราดอกเบี้ยต่ำและการอัดฉีดสภาพคล่อง (QE) ทำให้ดอลลาร์สหรัฐหมุนเวียนในระบบโลกจำนวนมหาศาล และเมื่อทุนต่างชาติเริ่มถอนตัวออกจากสินทรัพย์การเงินของสหรัฐ เงินจำนวนมากก็ไหลกลับเข้าสู่ตลาดในประเทศ ดันราคาสินค้าพุ่ง

นักเศรษฐศาสตร์รายนี้เตือนว่า สหรัฐอาจกำลังเผชิญกับภาวะ stagflation เงินเฟ้อสูงคู่กับเศรษฐกิจอ่อนแอ ซึ่งจะรับมือได้ยากมาก

เขาระบุว่า การลดดอกเบี้ยไม่ใช่ทางออก แต่เป็น “ต้นเหตุ” ของปัญหา

ทางแก้ที่แท้จริงตามมุมมองของชิฟฟ์ คือการขึ้นดอกเบี้ย แม้จะต้องเจ็บปวดอย่างมาก เพราะระบบเศรษฐกิจสหรัฐปัจจุบันตั้งอยู่บนพื้นฐานของ “เงินราคาถูก”

เขาเสริมว่า สิ่งนี้จะนำไปสู่ภาวะถดถอยยืดเยื้อ ราคาหุ้นและอสังหาริมทรัพย์ร่วงหนัก ธุรกิจจำนวนมากล้มละลาย แต่ก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะทางเลือกอื่นอาจเลวร้ายยิ่งกว่า


ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลที่ให้ไว้บนเว็บไซต์นี้มีไว้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการศึกษาและให้ข้อมูลเท่านั้น และไม่ควรถือเป็นคำแนะนำทางการเงินหรือการลงทุน

บทความที่เกี่ยวข้อง

KeyAI