สํานักวิเคราะห์เศรษฐกิจสหรัฐฯ (BEA) รายงานในวันพฤหัสบดีว่าอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ซึ่งวัดจากการเปลี่ยนแปลงของดัชนีราคารายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ลดลงเหลือ 2.1% ต่อปีในเดือนกันยายนจาก 2.2% ในเดือนสิงหาคม ตัวเลขนี้สอดคล้องกับสิ่งที่ตลาดคาดการณ์ ดัชนีราคา PCE เพิ่มขึ้น 0.2% ตามที่คาดการณ์ไว้
ในช่วงเวลาเดียวกัน ดัชนีราคา PCE พื้นฐาน (ซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานที่ผันผวน) เพิ่มขึ้น 2.7% ซึ่งตรงกับการเพิ่มขึ้นของเดือนสิงหาคมและสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 2.6% ดัชนีราคา PCE พื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.3% MoM ตามที่คาดการณ์ไว้
ดอลลาร์สหรัฐยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันขาลงเล็กน้อยหลังประกาศตัวเลขเงินเฟ้อ PCE ดัชนีดอลลาร์สหรัฐลดลง 0.2% เคลื่อนไหวในวันนี้ที่ 103.88
ตารางด้านล่างแสดงเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของ ดอลลาร์สหรัฐ (USD) เทียบกับสกุลเงินหลักที่ระบุไว้ วันนี้ ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าที่สุดเมื่อเทียบกับ เยนญี่ปุ่น
USD | EUR | GBP | JPY | CAD | AUD | NZD | CHF | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
USD | -0.23% | -0.14% | -0.52% | 0.08% | 0.00% | -0.00% | -0.20% | |
EUR | 0.23% | 0.10% | -0.27% | 0.31% | 0.24% | 0.22% | 0.03% | |
GBP | 0.14% | -0.10% | -0.36% | 0.21% | 0.14% | 0.12% | -0.06% | |
JPY | 0.52% | 0.27% | 0.36% | 0.53% | 0.49% | 0.41% | 0.26% | |
CAD | -0.08% | -0.31% | -0.21% | -0.53% | -0.06% | -0.10% | -0.27% | |
AUD | -0.00% | -0.24% | -0.14% | -0.49% | 0.06% | -0.03% | -0.23% | |
NZD | 0.00% | -0.22% | -0.12% | -0.41% | 0.10% | 0.03% | -0.18% | |
CHF | 0.20% | -0.03% | 0.06% | -0.26% | 0.27% | 0.23% | 0.18% |
แผนที่ความร้อนแสดงเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของสกุลเงินหลักเมื่อเทียบกัน สกุลเงินหลักจะถูกเลือกจากคอลัมน์ด้านซ้าย ในขณะที่สกุลเงินอ้างอิงจะถูกเลือกจากแถวบนสุด ตัวอย่างเช่น หากคุณเลือก ดอลลาร์สหรัฐ จากคอลัมน์ด้านซ้าย และเลื่อนไปตามเส้นแนวนอนไปยัง เยนญี่ปุ่น เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงที่แสดงในกล่องจะแสดงถึง USD (สกุลเงินหลัก)/JPY (สกุลเงินรอง)
Eren Sengezer หัวหน้านักวิเคราะห์ตลาดยุโรปของ FXStreet แชร์ข้อมูลแนวโน้มทางเทคนิคสําหรับ EURUSD โดยสังเขปดังนี้
"อินดิเคเตอร์ RSI ในกราฟรายวันยังคงวิ่งอยู่ต่ำกว่า 50 แม้ว่า EURUSD จะทำราคาปิดสูงขึ้นเล็กน้อยในสามวันก่อนหน้า เน้นย้ำถึงการขาดโมเมนตัมขาขึ้น"
"สำหรับขาขึ้น Simple Moving Average (SMA) 200 วันอยู่ในแนวเดียวกับระดับ Pivot ที่ 1.0870 ในกรณีที่ EURUSD เพิ่มขึ้นเหนือระดับราคานี้ และเริ่มใช้ราคานั้นเป็นแนวรับ ฝั่งผู้ซื้อตามเทคนิคสามารถเข้ามาได้ ในสถานการณ์นี้ 1.0940 (SMA 100 วัน) อาจถูกมองว่าเป็นแนวต้านถัดไปก่อนถึง 1.1000-1.1010 (ระดับตัวเลขกลมๆ SMA 50 วัน) สำหรับขาลง 1.0800 (ระดับตัวเลขกลมๆ) จะทำหน้าที่เป็นแนวรับแรกก่อนถึง 1.0670 (ระดับราคาเดิมตั้งแต่เดือนมิถุนายน)"
อัตราเงินเฟ้อวัดการเพิ่มขึ้นของราคาในตะกร้าสินค้าและบริการที่ใช้อ้างอิง อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมักแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงแบบเทียบเดือนต่อเดือน (MoM) และแบบปีต่อปี (YoY) อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะไม่รวมองค์ประกอบที่มีความผันผวนสูงเช่น อาหารและเชื้อเพลิง ปัจจัยเหล่านี้อาจผันผวนเพราะสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ และการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเป็นตัวเลขที่นักเศรษฐศาสตร์ให้ความสำคัญและเป็นตัวเลขที่ธนาคารกลางใช้อ้างอิงในการกำหนดเป้าหมาย ธนาคารกลางฯ นิยมคงอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ โดยปกติจะอยู่ที่ประมาณ 2%
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) จะวัดการเปลี่ยนแปลงของราคาตะกร้าสินค้าและบริการในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง โดยปกติ CPI จะแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงแบบเดือนต่อเดือน (MoM) และแบบปีต่อปี (YoY) CPI หลักคือตัวเลขที่ธนาคารกลางใช้กำหนดราคาเป้าหมาย เพราะ CPI ทั่วไปไม่รวมปัจจัยเช่นการผลิตอาหารและเชื้อเพลิงที่มีความผันผวน ดังนั้น เมื่อ CPI พื้นฐานเพิ่มขึ้นมากกว่า 2% จึงมักจะส่งผลให้ธนาคารกลางปรับอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้น นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเมื่อ CPI ลดลงต่ำกว่า 2% เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยในระดับสูง จึงเป็นผลดีต่อสกุลเงิน อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นมักส่งผลให้สกุลเงินแข็งค่าขึ้น และตรงกันข้าม สกุลเงินจะอ่อนค่าเมื่ออัตราเงินเฟ้อลดลง
แม้ว่าอาจดูเหมือนขัดกับภาพความเป็นจริงที่เห็น แต่อัตราเงินเฟ้อในประเทศที่สูงจะผลักดันมูลค่าของสกุลเงินของประเทศนั้นๆ ให้สูงขึ้นเพราะการขึ้นดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ซึ่งดึงดูดเงินจากนักลงทุนทั่วโลกให้ไหลเข้าประเทศ เพราะพวกเขากำลังมองหาสถานที่ที่มีกำไรจากการฝากเงินของพวกเขา
ในอดีต ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนหันไปพึ่งพาในช่วงเวลาที่มีอัตราเงินเฟ้อสูง เนื่องจากทองคำยังคงรักษามูลค่าไว้ได้ นอกจากนี้ ในช่วงเวลาที่ตลาดปั่นป่วนอย่างรุนแรง นักลงทุนมักจะซื้อทองคำด้วยสถานะการเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย แต่ในปัจจุบันมักไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะเมื่อเมื่ออัตราเงินเฟ้อสูง ธนาคารกลางต่างๆ มักจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจึงไม่เป็นผลดีต่อทองคำ เนื่องจากทำให้ต้นทุนโอกาสในการถือครองทองคำลดลงเพราะเป็นสินทรัพย์ที่ดอกเบี้ยไม่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการนำเงินไปฝากในบัญชีเงินสด ในทางกลับกัน อัตราเงินเฟ้อที่ลดลงมีแนวโน้มที่จะส่งผลบวกต่อทองคำ เพราะจะทำให้อัตราดอกเบี้ยลดลง ทำให้โลหะมีค่าเป็นทางเลือกการลงทุนที่มีโอกาสมากขึ้น