โลหะเงิน (XAG/USD) พยายามที่จะใช้ประโยชน์จากการดีดตัวขึ้นในคืนที่ผ่านมาจากระดับต่ำกว่า $34.00 และแกว่งตัวในกรอบการซื้อขายแคบๆ ในช่วงเซสชั่นเอเชียวันพุธ โลหะเงินอยู่ที่บริเวณ $34.50 ซึ่งแทบไม่เปลี่ยนแปลงในวันนี้ แม้ว่าจะยังคงใกล้กับระดับสูงสุดตั้งแต่ต้นปี (YTD) ที่แตะเมื่อวันจันทร์
จากมุมมองทางเทคนิค การทะลุผ่านแนวต้านที่ $33.80 ในสัปดาห์นี้ หรือขอบเขตสูงสุดของกรอบราคาที่มีมาหลายสัปดาห์ ถูกมองว่าเป็นตัวกระตุ้นสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ขาขึ้น นอกจากนี้ ตัวชี้วัดในกราฟรายวันยังคงอยู่ในแดนบวกอย่างสบายและยังห่างไกลจากโซนที่มีการซื้อเกิน การวิเคราะห์นี้แสดงให้เห็นว่าทางที่มีแรงต้านน้อยที่สุดสำหรับ XAG/USD คือการปรับตัวขึ้น และสนับสนุนกรณีสำหรับการปรับตัวขึ้นในระยะสั้นเพิ่มเติม
การซื้อที่ตามมาบนระดับ $34.8-$34.90 หรือระดับสูงสุด YTD และระดับสูงสุดในรอบสิบสองปีที่แตะในเดือนตุลาคม 2024 จะยืนยันแนวโน้มที่สร้างสรรค์และเปิดทางให้กับการเพิ่มขึ้นเพิ่มเติม XAG/USD อาจเร่งโมเมนตัมไปยังอุปสรรคที่เกี่ยวข้องถัดไปใกล้ระดับ $35.66 หรือจุดสูงสุดในเดือนมีนาคม 2012 ก่อนที่จะตั้งเป้ากลับไปที่ระดับ $36.00 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2012
ในทางกลับกัน การปรับตัวลงต่ำกว่าระดับ $34.00 อาจถูกมองว่าเป็นโอกาสในการซื้อและยังคงจำกัดใกล้กับจุดตัดแนวต้านของกรอบการซื้อขายที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้ ประมาณ $33.65 อย่างไรก็ตาม หากมีการทะลุผ่านระดับนี้อย่างต่อเนื่อง อาจทำให้ XAG/USD ลดลงไปที่ระดับ $33.00 ซึ่งตามมาด้วยแนวรับแนวนอนที่แข็งแกร่งที่ $32.75-$32.70 ซึ่งหากถูกทำลายอย่างเด็ดขาดอาจเปลี่ยนแนวโน้มในระยะสั้นไปในทางที่สนับสนุนเทรดเดอร์ขาลง
แร่เงินเป็นโลหะมีค่าที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนอย่างมากในหมู่นักลงทุน ในอดีต โลหะเงินถูกใช้เป็นสินทรัพย์สะสมมูลค่าและเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน แม้ว่าจะได้รับความนิยมน้อยกว่าทองคํา แต่นักลงทุนอาจหันไปใช้โลหะเงินเพื่อกระจายพอร์ตการลงทุนของตนเพื่อสะสมมูลค่า หรือเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่มีอัตราเงินเฟ้อสูง นักลงทุนสามารถซื้อโลหะเงินจริงในรูปแบบของเหรียญ ในรูปแบบของแท่งหรือซื้อขายผ่านตัวกลางเช่น Exchange Traded Funds ซึ่งอ้างอิงราคาโลหะเงินในตลาดต่างประเทศ
ราคาโลหะเงินสามารถเคลื่อนไหวได้จากปัจจัยหลายประการ ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์หรือความกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงอาจทําให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นจากสถานะสินทรัพย์ปลอดภัย แม้ว่าจะได้รับความสนใจน้อยกว่าทองคําก็ตาม ในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทน โลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง การเคลื่อนไหวของโลหะเงินยังขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของดอลลาร์สหรัฐ (USD) เพราะสินทรัพย์โลหะเงินซื้อขายด้วยราคาเป็นดอลลาร์ (XAGUSD) ดอลลาร์ที่แข็งค่ามีแนวโน้มที่จะรักษาราคาโลหะเงินไว้ แต่หากดอลลาร์อ่อนค่าลง มีแนวโน้มที่จะผลักดันราคาโลหะเงินให้สูงขึ้น ปัจจัยอื่นๆ เช่น อุปสงค์การลงทุน อุปทานการขุด (โลหะเงินมีมากกว่าทองคํามาก) และอัตราการนำกลับมาใช้ก็อาจส่งผลต่อราคาโลหะเงินได้เช่นกัน
โลหะเงินมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนต่างๆ เช่น อิเล็กทรอนิกส์หรือพลังงานแสงอาทิตย์ เนื่องจากโลหะเงินสามารถนําไฟฟ้าได้สูงที่สุดชนิดหนึ่งเมื่อเทียบกับโลหะทั้งหมด มากกว่าทองแดงและทองคํา ความต้องการโลหะที่เพิ่มขึ้นสามารถทำให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นได้ การเปลี่ยนแปลงในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จีน และอินเดียยังสามารถส่งผลต่อการแกว่งตัวของราคาโลหะเงิน ในสหรัฐฯ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจีน ภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของพวกเขาใช้โลหะเงินในกระบวนการต่างๆ ในอินเดีย ความต้องการโลหะมีค่าของผู้บริโภคเพื่อเอาไปสร้างเครื่องประดับก็มีบทบาทสําคัญในการกําหนดราคาโลหะเงินเช่นกัน
ราคาโลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวตามราคาทองคํา เมื่อราคาทองคําสูงขึ้น โลหะเงินมักจะเคลื่อนไหวามความเหมาะสม อย่างไรก็ตาม สถานะของสินทรัพย์ทั้งสองไม่ได้อยู่ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีความคล้ายคลึงกัน อัตราส่วนเปรียบเทียบทองคําและโลหะเงินจะให้ข้อมูลของจํานวนออนซ์ของโลหะเงินที่จําเป็นเพื่อให้เท่ากับมูลค่าของทองคําหนึ่งออนซ์ อัตราส่วนเปรียบทียบนี้อาจช่วยในการกําหนดการประเมินมูลค่าสัมพัทธ์ระหว่างโลหะทั้งสอง นักลงทุนบางคนอาจพิจารณาว่าหากอัตราส่วนนี้สูง จะหมายความว่าโลหะเงินมีมูลค่าต่ำเกินไป หรือทองคํามีมูลค่าสูงเกินไป ในทางตรงกันข้าม อัตราส่วนที่ต่ำอาจบ่งบอกว่าทองคํามีมูลค่าต่ำกินไปเมื่อเทียบกับโลหะเงิน