ราคาโลหะเงิน (XAG/USD) ราคาน้ำมันหยุดการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเวลาสี่วัน โดยซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 32.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงเวลายุโรปในวันพุธ เสน่ห์ของโลหะในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยลดลงท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าทั่วโลกที่ผ่อนคลาย.
รายงานระบุว่าสหรัฐฯ และจีนได้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นเพื่อลดภาษีอย่างมีนัยสำคัญ ภายใต้เงื่อนไขที่เสนอ สหรัฐฯ จะลดภาษีสินค้าจีนจาก 145% เป็น 30% ขณะที่จีนจะลดภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ จาก 125% เป็น 10% การพัฒนานี้ถูกมองว่าเป็นก้าวที่ดีในการลดความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองมหาอำนาจเศรษฐกิจ.
เพื่อเพิ่มความรู้สึกเชิงบวก ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวกับ Fox News ว่าสหรัฐฯ กำลังทำงานเพื่อขยายการเข้าถึงตลาดในจีนและอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนว่า "ยอดเยี่ยม." ทรัมป์ยังแสดงความเต็มใจที่จะมีการเจรจาโดยตรงกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เพื่อแสวงหาข้อตกลงการค้าครอบคลุม.
เมื่อความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์ลดลง ตลาดจึงลดความคาดหวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อย่างรุนแรง ซึ่งกดดันความต้องการโลหะเงินในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเงินเฟ้อของผู้บริโภคในสหรัฐฯ ที่ต่ำกว่าคาดในเดือนเมษายนได้ให้การสนับสนุนโลหะมีค่า เนื่องจากดอลลาร์สหรัฐ (USD) อ่อนค่าลง ทำให้โลหะเงินน่าสนใจมากขึ้นสำหรับผู้ถือเงินสกุลอื่น.
ตัวเลขเงินเฟ้อในเดือนเมษายนทำให้เกิดระดับต่ำสุดในรอบสามปีในดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำปี แม้ว่านักวิเคราะห์เชื่อว่านี่อาจเป็นการอ่านที่ต่ำที่สุดในช่วงเวลาหนึ่ง เนื่องจากภาษีใหม่ของสหรัฐฯ ต่อคู่ค้าการค้าหลักจะมีผลบังคับใช้ในเดือนพฤษภาคม ความสนใจของตลาดตอนนี้จึงเปลี่ยนไปที่การประกาศข้อมูลที่จะเกิดขึ้น รวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐฯ และการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน.
ตามข้อมูลจากสํานักงานสถิติแรงงานสหรัฐ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้น 2.3% เมื่อเปรียบเทียบปีต่อปีในเดือนเมษายน ซึ่งต่ำกว่าระดับ 2.4% ในเดือนมีนาคมและการคาดการณ์ของตลาด CPI หลักซึ่งไม่รวมอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 2.8% เมื่อเปรียบเทียบปีต่อปี สอดคล้องกับความคาดหวัง ทั้ง CPI ทั่วไปและ CPI หลักเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเปรียบเทียบรายเดือน.
แร่เงินเป็นโลหะมีค่าที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนอย่างมากในหมู่นักลงทุน ในอดีต โลหะเงินถูกใช้เป็นสินทรัพย์สะสมมูลค่าและเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน แม้ว่าจะได้รับความนิยมน้อยกว่าทองคํา แต่นักลงทุนอาจหันไปใช้โลหะเงินเพื่อกระจายพอร์ตการลงทุนของตนเพื่อสะสมมูลค่า หรือเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่มีอัตราเงินเฟ้อสูง นักลงทุนสามารถซื้อโลหะเงินจริงในรูปแบบของเหรียญ ในรูปแบบของแท่งหรือซื้อขายผ่านตัวกลางเช่น Exchange Traded Funds ซึ่งอ้างอิงราคาโลหะเงินในตลาดต่างประเทศ
ราคาโลหะเงินสามารถเคลื่อนไหวได้จากปัจจัยหลายประการ ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์หรือความกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงอาจทําให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นจากสถานะสินทรัพย์ปลอดภัย แม้ว่าจะได้รับความสนใจน้อยกว่าทองคําก็ตาม ในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทน โลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง การเคลื่อนไหวของโลหะเงินยังขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของดอลลาร์สหรัฐ (USD) เพราะสินทรัพย์โลหะเงินซื้อขายด้วยราคาเป็นดอลลาร์ (XAGUSD) ดอลลาร์ที่แข็งค่ามีแนวโน้มที่จะรักษาราคาโลหะเงินไว้ แต่หากดอลลาร์อ่อนค่าลง มีแนวโน้มที่จะผลักดันราคาโลหะเงินให้สูงขึ้น ปัจจัยอื่นๆ เช่น อุปสงค์การลงทุน อุปทานการขุด (โลหะเงินมีมากกว่าทองคํามาก) และอัตราการนำกลับมาใช้ก็อาจส่งผลต่อราคาโลหะเงินได้เช่นกัน
โลหะเงินมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนต่างๆ เช่น อิเล็กทรอนิกส์หรือพลังงานแสงอาทิตย์ เนื่องจากโลหะเงินสามารถนําไฟฟ้าได้สูงที่สุดชนิดหนึ่งเมื่อเทียบกับโลหะทั้งหมด มากกว่าทองแดงและทองคํา ความต้องการโลหะที่เพิ่มขึ้นสามารถทำให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นได้ การเปลี่ยนแปลงในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จีน และอินเดียยังสามารถส่งผลต่อการแกว่งตัวของราคาโลหะเงิน ในสหรัฐฯ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจีน ภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของพวกเขาใช้โลหะเงินในกระบวนการต่างๆ ในอินเดีย ความต้องการโลหะมีค่าของผู้บริโภคเพื่อเอาไปสร้างเครื่องประดับก็มีบทบาทสําคัญในการกําหนดราคาโลหะเงินเช่นกัน
ราคาโลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวตามราคาทองคํา เมื่อราคาทองคําสูงขึ้น โลหะเงินมักจะเคลื่อนไหวามความเหมาะสม อย่างไรก็ตาม สถานะของสินทรัพย์ทั้งสองไม่ได้อยู่ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีความคล้ายคลึงกัน อัตราส่วนเปรียบเทียบทองคําและโลหะเงินจะให้ข้อมูลของจํานวนออนซ์ของโลหะเงินที่จําเป็นเพื่อให้เท่ากับมูลค่าของทองคําหนึ่งออนซ์ อัตราส่วนเปรียบทียบนี้อาจช่วยในการกําหนดการประเมินมูลค่าสัมพัทธ์ระหว่างโลหะทั้งสอง นักลงทุนบางคนอาจพิจารณาว่าหากอัตราส่วนนี้สูง จะหมายความว่าโลหะเงินมีมูลค่าต่ำเกินไป หรือทองคํามีมูลค่าสูงเกินไป ในทางตรงกันข้าม อัตราส่วนที่ต่ำอาจบ่งบอกว่าทองคํามีมูลค่าต่ำกินไปเมื่อเทียบกับโลหะเงิน