tradingkey.logo

การคาดการณ์ราคาโลหะเงิน: XAGUSD ขึ้นใกล้ $33.00 โดยมีแนวโน้มขาขึ้นที่กำลังพัฒนา

FXStreet13 พ.ค. 2025 เวลา 4:29
  • ราคาโลหะเงินอาจมุ่งสู่การทดสอบระดับสูงสุดในรอบหกสัปดาห์ที่ $33.69 ซึ่งเคยเห็นเมื่อวันที่ 24 เมษายน
  • ดัชนี RSI 14 วันได้เคลื่อนตัวขึ้นเหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงโมเมนตัมขาขึ้นที่แข็งแกร่งขึ้น
  • แนวรับเริ่มต้นอยู่ที่เส้น EMA เก้าวันที่ $32.71 โดยมีแนวรับเพิ่มเติมที่เส้น EMA 50 วันที่ $32.50

ราคาโลหะเงิน (XAG/USD) กำลังขยายการปรับตัวขึ้นเป็นวันที่สี่ติดต่อกัน โดยซื้อขายอยู่ที่ประมาณ $33.00 ต่อออนซ์ในช่วงชั่วโมงการซื้อขายในเอเชียเมื่อวันอังคาร การวิเคราะห์ทางเทคนิคจากกราฟรายวันบ่งชี้ถึงแนวโน้มขาขึ้น เนื่องจากโลหะมีค่าดังกล่าวยังคงซื้อขายอยู่ภายในรูปแบบกรอบราคาขาขึ้น

ดัชนี Relative Strength Index (RSI) 14 วันได้เพิ่มขึ้นเหนือระดับ 50 ซึ่งสัญญาณถึงแนวโน้มขาขึ้นที่กำลังพัฒนา นอกจากนี้ ราคาโลหะเงินได้ทะลุขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โพเนนเชียล (EMA) ทั้งเส้นเก้าวันและเส้น 50 วัน ซึ่งเสริมสร้างความแข็งแกร่งของโมเมนตัมขาขึ้นในระยะสั้น

ในด้านบวก คู่ XAG/USD อาจมุ่งเป้าไปที่ระดับสูงสุดในรอบหกสัปดาห์ที่ $33.69 ซึ่งเคยทำได้เมื่อวันที่ 24 เมษายน การทะลุผ่านระดับนี้จะดึงดูดผู้ซื้อและสนับสนุนราคาโลหะมีค่าให้เข้าใกล้ระดับสูงสุดในรอบเจ็ดเดือนที่ $34.59 ซึ่งเคยเห็นเมื่อวันที่ 28 มีนาคม

ในด้านลบ ราคาโลหะเงินอาจทดสอบแนวรับทันทีที่เส้น EMA เก้าวันที่ $32.71 ตามด้วยเส้น EMA 50 วันที่ $32.50 การทะลุผ่านระดับเหล่านี้อาจทำให้แนวโน้มขาขึ้นอ่อนแอลงและกดดันคู่ XAG/USD ให้ทดสอบระดับต่ำสุดในรอบแปดเดือนที่ $28.00 ซึ่งถูกทำเครื่องหมายเมื่อวันที่ 7 เมษายน

XAG/USD: กราฟรายวัน

โลหะเงิน FAQs

แร่เงินเป็นโลหะมีค่าที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนอย่างมากในหมู่นักลงทุน ในอดีต โลหะเงินถูกใช้เป็นสินทรัพย์สะสมมูลค่าและเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน แม้ว่าจะได้รับความนิยมน้อยกว่าทองคํา แต่นักลงทุนอาจหันไปใช้โลหะเงินเพื่อกระจายพอร์ตการลงทุนของตนเพื่อสะสมมูลค่า หรือเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่มีอัตราเงินเฟ้อสูง นักลงทุนสามารถซื้อโลหะเงินจริงในรูปแบบของเหรียญ ในรูปแบบของแท่งหรือซื้อขายผ่านตัวกลางเช่น Exchange Traded Funds ซึ่งอ้างอิงราคาโลหะเงินในตลาดต่างประเทศ

ราคาโลหะเงินสามารถเคลื่อนไหวได้จากปัจจัยหลายประการ ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์หรือความกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงอาจทําให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นจากสถานะสินทรัพย์ปลอดภัย แม้ว่าจะได้รับความสนใจน้อยกว่าทองคําก็ตาม ในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทน โลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง การเคลื่อนไหวของโลหะเงินยังขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของดอลลาร์สหรัฐ (USD) เพราะสินทรัพย์โลหะเงินซื้อขายด้วยราคาเป็นดอลลาร์ (XAGUSD) ดอลลาร์ที่แข็งค่ามีแนวโน้มที่จะรักษาราคาโลหะเงินไว้ แต่หากดอลลาร์อ่อนค่าลง มีแนวโน้มที่จะผลักดันราคาโลหะเงินให้สูงขึ้น ปัจจัยอื่นๆ เช่น อุปสงค์การลงทุน อุปทานการขุด (โลหะเงินมีมากกว่าทองคํามาก) และอัตราการนำกลับมาใช้ก็อาจส่งผลต่อราคาโลหะเงินได้เช่นกัน

โลหะเงินมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนต่างๆ เช่น อิเล็กทรอนิกส์หรือพลังงานแสงอาทิตย์ เนื่องจากโลหะเงินสามารถนําไฟฟ้าได้สูงที่สุดชนิดหนึ่งเมื่อเทียบกับโลหะทั้งหมด มากกว่าทองแดงและทองคํา ความต้องการโลหะที่เพิ่มขึ้นสามารถทำให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นได้ การเปลี่ยนแปลงในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จีน และอินเดียยังสามารถส่งผลต่อการแกว่งตัวของราคาโลหะเงิน ในสหรัฐฯ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจีน ภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของพวกเขาใช้โลหะเงินในกระบวนการต่างๆ ในอินเดีย ความต้องการโลหะมีค่าของผู้บริโภคเพื่อเอาไปสร้างเครื่องประดับก็มีบทบาทสําคัญในการกําหนดราคาโลหะเงินเช่นกัน

ราคาโลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวตามราคาทองคํา เมื่อราคาทองคําสูงขึ้น โลหะเงินมักจะเคลื่อนไหวามความเหมาะสม อย่างไรก็ตาม สถานะของสินทรัพย์ทั้งสองไม่ได้อยู่ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีความคล้ายคลึงกัน อัตราส่วนเปรียบเทียบทองคําและโลหะเงินจะให้ข้อมูลของจํานวนออนซ์ของโลหะเงินที่จําเป็นเพื่อให้เท่ากับมูลค่าของทองคําหนึ่งออนซ์ อัตราส่วนเปรียบทียบนี้อาจช่วยในการกําหนดการประเมินมูลค่าสัมพัทธ์ระหว่างโลหะทั้งสอง นักลงทุนบางคนอาจพิจารณาว่าหากอัตราส่วนนี้สูง จะหมายความว่าโลหะเงินมีมูลค่าต่ำเกินไป หรือทองคํามีมูลค่าสูงเกินไป ในทางตรงกันข้าม อัตราส่วนที่ต่ำอาจบ่งบอกว่าทองคํามีมูลค่าต่ำกินไปเมื่อเทียบกับโลหะเงิน

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลที่ให้ไว้บนเว็บไซต์นี้มีไว้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการศึกษาและให้ข้อมูลเท่านั้น และไม่ควรถือเป็นคำแนะนำทางการเงินหรือการลงทุน

บทความที่เกี่ยวข้อง

KeyAI