ในฐานะผู้นำระดับโลกด้านการผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์แบบรับจ้าง (Foundry) Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) ได้ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2025 ที่เรียกได้ว่า “ยอดเยี่ยมในประวัติศาสตร์” ผลประกอบการครั้งนี้ไม่เพียงแต่เหนือกว่าคำแนะนำทางการเงินของบริษัทเองและประมาณการของนักวิเคราะห์วอลล์สตรีทเท่านั้น แต่ยังตอกย้ำสถานะของ TSMC ในฐานะแกนกลางของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีโลกอีกด้วย
แรงขับเคลื่อนหลักของผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในไตรมาสนี้ไม่ได้มาจากวัฏจักรของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อผู้บริโภคแบบเดิม แต่เกิดจากความต้องการเชิงโครงสร้างที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรุนแรงจาก “การปฏิวัติด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI)” AI และการประมวลผลประสิทธิภาพสูง (HPC) ได้กลายเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตของบริษัท เมื่อรวมกับประสิทธิภาพในการดำเนินงานและกลยุทธ์การขยายธุรกิจทั่วโลก TSMC ได้แสดงให้เห็นถึงความได้เปรียบในการแข่งขันที่ยากจะมีใครเทียบได้
ในไตรมาส 3 ปี 2025 TSMC มีรายได้รวม 33.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 10.1% เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส และพุ่งขึ้นถึง 40.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน สะท้อนให้เห็นถึงแรงขับเคลื่อนของการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และอิทธิพลของความต้องการ AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
ที่โดดเด่นที่สุดคือ อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) อยู่ที่ 59.5% ซึ่งสูงกว่าช่วงที่บริษัทคาดไว้ (55.5%-57.5%) และสูงกว่าระดับ 58.6% ในไตรมาส 2 ปี 2025 และ 57.8% ในไตรมาส 3 ปี 2024 แม้จะเผชิญแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์ไต้หวันที่แข็งค่า รวมถึงต้นทุนจากการเดินสายการผลิตใหม่และโรงงานต่างประเทศที่อยู่ระหว่างการเพิ่มกำลังการผลิต แต่ผลกำไรที่แข็งแกร่งนี้แสดงถึง ความสามารถในการตั้งราคาและประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยมของ TSMC
อัตรากำไรจากการดำเนินงาน (Operating Margin) ก็อยู่ในระดับสูงที่ 50.6% สูงกว่าช่วงประมาณการของบริษัท (45.5%-47.5%) และดีกว่าทุกไตรมาสก่อนหน้า ปัจจัยหลักที่ช่วยหนุนคือ:
แม้การก่อสร้างโรงงานต่างประเทศในอนาคตอาจเพิ่มต้นทุน แต่ประสิทธิภาพสูงของฐานการผลิตในไต้หวันยังคงช่วยชดเชยได้บางส่วน ทำให้บริษัทมีแนวโน้มรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้เหนือระดับ 53% ได้ในระยะยาว
ในไตรมาสนี้ รายได้จากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ AI และการประมวลผลประสิทธิภาพสูง (HPC) คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 60% ของรายได้รวม กลายเป็นหัวใจหลักของการเติบโตของ TSMC
กระแสความต้องการชิป AI ทั่วโลก โดยเฉพาะจากบริษัทใหญ่อย่าง NVIDIA, OpenAI และ Oracle ได้ผลักดันให้กำลังการผลิตชิปขั้นสูงของ TSMC ทำงานเต็มกำลัง GPU รุ่น Rubin Ultra ของ NVIDIA ซึ่งเตรียมเปิดตัวเร็ว ๆ นี้ จะใช้กระบวนการผลิตระดับ 2 นาโนเมตรของ TSMC แสดงให้เห็นถึงความต้องการมหาศาลในตลาดศูนย์ข้อมูลและชิปประสิทธิภาพสูง
ชิปขนาด 3 นาโนเมตร คิดเป็น 23% ของรายได้ และ 5 นาโนเมตร คิดเป็น 37% ซึ่งส่วนใหญ่ใช้ในการผลิตชิป AI และ HPC ที่มีความต้องการสูง นอกจากนี้ ธุรกิจสมาร์ตโฟน ก็ฟื้นตัว คิดเป็น 30% ของรายได้ในไตรมาสนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Apple ส่วนธุรกิจ ยานยนต์และ IoT ก็ช่วยกระจายความเสี่ยงทางตลาดและเพิ่มความมั่นคงให้กับโครงสร้างรายได้ของบริษัท
ฝ่ายบริหารของ TSMC แสดงความมั่นใจสูงต่อแนวโน้มไตรมาส 4 ปี 2025 และปี 2026 โดยคาดว่ารายได้ไตรมาส 4 จะอยู่ระหว่าง 32.2–33.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ (31.2 พันล้านดอลลาร์) และอัตรากำไรขั้นต้นคาดอยู่ในช่วง 59%–61% ซึ่งอาจทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง
TSMC คาดว่ารายได้ทั้งปี 2025 จะเติบโตประมาณ 35% สะท้อนถึงแรงขับเคลื่อนจากความต้องการ AI และการพัฒนาเทคโนโลยีต่อเนื่อง โดยบริษัทได้เพิ่มงบลงทุน (CapEx) เป็น 40–42 พันล้านดอลลาร์ เพื่อรองรับความต้องการทั่วโลก
บริษัทยังเร่งการขยายฐานการผลิตทั่วโลก — โดยเฉพาะโครงการ “Superfab Cluster” ในสหรัฐฯ พร้อมเดินหน้าแผนสร้างโรงงานในญี่ปุ่นและเยอรมนี เพื่อลดความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์และตอบสนองลูกค้าหลัก
ในแง่เทคโนโลยี กระบวนการผลิตขนาด 2 นาโนเมตร คาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 4 ปี 2025 ขณะที่ 1.6 นาโนเมตร จะเริ่มในครึ่งหลังของปี 2026 และ 1.4 นาโนเมตร อยู่ในขั้นพัฒนา โดยตั้งเป้าผลิตจริงในปี 2028 โหนดขั้นสูงเหล่านี้ได้รับการปรับให้เหมาะกับความต้องการ AI และ HPC โดยเฉพาะ ซึ่งไม่เพียงบีบให้คู่แข่งอย่าง Samsung และ Intel ต้องเร่งตาม แต่ยังช่วยให้ TSMC ผูกสัมพันธ์กับลูกค้าหลักอย่าง Apple และ NVIDIA ได้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ความเป็นผู้นำของ TSMC ในห่วงโซ่อุปทานชิป AI มาจากความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับยักษ์ใหญ่หลายราย เช่น OpenAI, Oracle, Broadcom และ AMD
ข้อตกลงคลาวด์มูลค่า 300 พันล้านดอลลาร์ ระหว่าง OpenAI และ Oracle ที่ใช้ GPU GB200 ของ NVIDIA จำนวนกว่า 450,000 ตัว (ผลิตด้วยเทคโนโลยี 3 นาโนเมตรและ CoWoS ของ TSMC) ทำให้ความต้องการเทคโนโลยีการแพ็คเกจชิปขั้นสูงพุ่งขึ้น และคาดว่าจะเพิ่มรายได้ของ TSMC อีกกว่า 20% ภายในปี 2026
ในขณะเดียวกัน ความร่วมมือมูลค่า 10 พันล้านดอลลาร์ ระหว่าง OpenAI และ Broadcom สำหรับการพัฒนาชิป AI แบบเฉพาะทาง ช่วยเพิ่มคำสั่งซื้อ 3 นาโนเมตรให้กับ TSMC และเสริมความแข็งแกร่งในตลาดคลาวด์ขนาดใหญ่ ส่วน AMD และ Oracle ก็มีการสั่งผลิต ชิป MI450 (2–3 นาโนเมตร) ซึ่งช่วยให้กำลังการผลิตของ TSMC ถูกใช้อย่างเต็มที่
พันธมิตรเหล่านี้สร้างผลลัพธ์แบบ “วงจรปิดเชิงบวก” ทำให้ TSMC ยังคงเป็นผู้ชนะหลักในกระแส AI ไม่ว่าจะในมุมของผลประกอบการระยะสั้น หรือความแข็งแกร่งทางเทคโนโลยีและการแข่งขันระยะยาว บริษัทได้แสดงให้เห็นถึง คุณค่าการลงทุนที่ไม่มีใครเทียบได้ สำหรับนักลงทุนที่เชื่อมั่นในการเติบโตระยะยาวของอุตสาหกรรม AI และเทคโนโลยี TSMC คือหุ้นคุณภาพที่ควรจับตาอย่างใกล้ชิดที่สุด
เนื้อหานี้แปลโดย AI ซึ่งอาจมีข้อผิดพลาดจากข้อจำกัดทางเทคโนโลยีและภาษา จึงไม่สามารถรับประกันความถูกต้อง และความสมบูรณ์ของเนื้อหาได้ทั้งหมด ในการนำข้อมูลไปใช้ โปรดอ้างอิงจากต้นฉบับ และใช้วิจารณญาณประกอบการตัดสินใจ ทั้งนี้ บริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายหรือความเข้าใจผิดใดๆ ที่เกิดขึ้นจากการใช้เนื้อหาดังกล่าว