TradingKey - ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากนโยบายภาษีของทรัมป์และประเด็นความเป็นอิสระของเฟด ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) ตั้งแต่ต้นปี 2025 ร่วงลงแล้ว 10% แต่ในครึ่งปีหลังเริ่มมีสัญญาณใกล้แตะจุดต่ำสุด กระนั้น ด้วยข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อ่อนแรง (รวมถึงตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร) และแรงกดดันทางการเมืองต่อการตัดสินใจของเฟด ธนาคารแห่งอเมริกา (BofA) และ Morgan Stanley เตือนว่า “ดอลลาร์อ่อน” ยังไม่จบง่าย ๆ
หลังการเปิดเผยรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนสิงหาคม นักลงทุนต่างมั่นใจว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายน และบางส่วนคาดถึงการลดดอกเบี้ย 50 จุดพื้นฐาน พร้อมทั้งปรับเพิ่มจำนวนครั้งของการลดดอกเบี้ยปีนี้เป็น 3 ครั้ง
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สหรัฐฯ รายงานการจ้างงานใหม่เพียง 22,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 75,000 ตำแหน่ง และต่ำกว่าค่าเดิมที่ 73,000 ตำแหน่ง อีกทั้งยังมีการปรับตัวเลขเดือนมิถุนายนและกรกฎาคมลงรวม 21,000 ตำแหน่ง โดยเดือนมิถุนายนถูกปรับจาก +27,000 เหลือ -13,000 ถือเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2020 ที่การจ้างงานติดลบ
การเติบโตด้านการจ้างงานที่ซบเซาทำให้เฟดเผชิญแรงกดดันให้กลับมา “ลดดอกเบี้ย” เร็วกว่าคาด และเมื่อรวมเข้ากับปัจจัยลบอื่น ๆ ต่อดอลลาร์ ความเสี่ยงที่ค่าเงินจะอ่อนต่อเนื่องยิ่งทวีความชัดเจน
【กราฟดัชนีดอลลาร์ DXY ปี 2025 ที่มา: TradingView】
Michael Hartnett หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุนของ BofA มองว่าสถานการณ์ปัจจุบันคล้ายคลึงกับ “ยุคนิกสัน” ในทศวรรษ 1970 อย่างมาก โดยแรงกดดันจากรัฐบาลจะบีบให้เฟดต้องเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน และท้ายที่สุดอาจหันไปใช้ นโยบายควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทน (Yield Curve Control, YCC)
แม้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวยังคงสูงขึ้นจากความกังวลเรื่องขาดดุลงบประมาณ แต่ Hartnett เชื่อว่าทิศทางต่อไปคือ “ลดลงอย่างมาก” ไม่ใช่ “สูงขึ้น” โดยผู้กำหนดนโยบายอาจใช้มาตรการ “Price-Keeping Operation (KPO)” เช่น การบิดเส้นอัตราผลตอบแทน, QE, YCC รวมถึงการตีมูลค่าใหม่ของทองคำสำรอง เพื่อควบคุมต้นทุนหนี้รัฐบาล
จากการสำรวจผู้จัดการกองทุนโลกของ BofA เดือนสิงหาคม พบว่า 54% เชื่อว่าเฟดจะหันมาใช้นโยบาย YCC ในที่สุด
BofA ประเมินว่า แรงกดดันด้านการเมืองและข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแรงจะบีบให้เฟดลดดอกเบี้ย ซึ่งจะกดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรลงสู่ระดับ 4% ไม่ใช่ขึ้นไปแตะ 6% พร้อมให้คำแนะนำลงทุน “ซื้อพันธบัตรสหรัฐฯ, ทองคำ และคริปโทฯ แต่ขายดอลลาร์”
สำหรับการที่ดัชนีดอลลาร์เริ่มทรงตัวและตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทำจุดสูงสุดใหม่ Morgan Stanley วิเคราะห์ว่า ปัจจัยดังกล่าวมาจากความเชื่อว่าสหรัฐฯ สามารถรับแรงกดดันจากภาษีนำเข้าได้ดีกว่าที่คาด ซึ่งทำให้บางฝ่ายเชื่อว่าตลาดขาลงของดอลลาร์สิ้นสุดแล้ว
อย่างไรก็ดี Morgan Stanley ย้ำว่า “เราไม่เชื่อว่าการอ่อนค่าของดอลลาร์ได้สิ้นสุดลง ตรงกันข้าม มันเพิ่งจะครึ่งทางเท่านั้น” โดยให้เหตุผลจากความไม่แน่นอนด้านการเติบโตเศรษฐกิจและนโยบายสาธารณะ
Morgan Stanley ชี้ว่า การส่งผ่านต้นทุนภาษีไปยังผู้บริโภคจะทำให้อัตราเงินเฟ้อดื้อรั้นสูงกว่ากรอบเป้าหมาย ซึ่งจะกัดกร่อนอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงและเป็นแรงกดดันเชิงโครงสร้างต่อดอลลาร์
ภายใต้คาดการณ์ว่า GDP สหรัฐฯ จะชะลอลง และข้อมูลการจ้างงานที่ซบเซา เฟดจึงถูกคาดหมายว่าจะใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินมากขึ้น สิ่งนี้จะกระตุ้นให้นักลงทุนต่างชาติ “เฮดจ์” สินทรัพย์ดอลลาร์ในมือมากขึ้นอีก
นอกจากนี้ ขณะที่เฟดลดเงื่อนไขการลดดอกเบี้ย ธนาคารกลางยุโรปกลับยกระดับเงื่อนไข และธนาคารกลางอังกฤษก็มีท่าที “เหยี่ยว” มากขึ้น ความแตกต่างด้านนโยบายการเงินเช่นนี้จะเป็นแรงสนับสนุนให้ดอลลาร์ยังคงอ่อนต่อไป
เนื้อหานี้แปลโดย AI ซึ่งอาจมีข้อผิดพลาดจากข้อจำกัดทางเทคโนโลยีและภาษา จึงไม่สามารถรับประกันความถูกต้อง และความสมบูรณ์ของเนื้อหาได้ทั้งหมด ในการนำข้อมูลไปใช้ โปรดอ้างอิงจากต้นฉบับ และใช้วิจารณญาณประกอบการตัดสินใจ ทั้งนี้ บริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายหรือความเข้าใจผิดใดๆ ที่เกิดขึ้นจากการใช้เนื้อหาดังกล่าว