Investing.com — หุ้นอินเดียปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงเช้าวันจันทร์ หลังจากข้อตกลงหยุดยิงที่สหรัฐอเมริกาเป็นตัวกลางระหว่างนิวเดลีและอิสลามาบัดยังคงมีผลบังคับใช้ ซึ่งถือเป็นการลดระดับความขัดแย้งทางทหารที่เกิดขึ้นล่าสุด
ดัชนี Nifty 50 พุ่งขึ้น 2.8% แตะที่ 24,692.90 จุด ขณะที่ดัชนี บีเอสอี Sensex 30 เพิ่มขึ้น 2.5% แตะที่ 81,397.0 จุด ณ เวลา 09:57 น. ตามเวลาอินเดีย
ดัชนี Nifty ได้ปรับตัวลดลงประมาณ 1.5% ในช่วงสามวันทําการที่ผ่านมา เนื่องจากอินเดียและปากีสถานมีการปะทะกันรุนแรงที่สุดในรอบเกือบสามทศวรรษ ความตึงเครียดระหว่างประเทศเพื่อนบ้านที่มีอาวุธนิวเคลียร์เพิ่มขึ้นหลังจากอินเดียโจมตีสถานที่ที่เชื่อว่าเป็นแหล่งก่อการร้ายหลายแห่งในปากีสถาน เพื่อตอบโต้การโจมตีที่ทําให้มีผู้เสียชีวิตในแคชเมียร์ของอินเดียเมื่อเดือนเมษายน
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐอเมริกาได้ประกาศในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า วอชิงตันได้เป็นตัวกลางในการเจรจาหยุดยิงระหว่างอินเดียและปากีสถาน แม้ว่ารายงานเบื้องต้นจะแสดงให้เห็นว่าทั้งนิวเดลีและอิสลามาบัดต่างกล่าวหากันว่ามีการละเมิดข้อตกลงหลายครั้ง แต่ปฏิบัติการทางทหารในแคชเมียร์และตามแนวชายแดนอินเดีย-ปากีสถานมีการลดระดับลงภายในวันอาทิตย์
ความสนใจขณะนี้อยู่ที่ว่าข้อตกลงหยุดยิงจะยังคงมีผลหรือไม่ และความตึงเครียดระหว่างสองประเทศจะลดลงต่อไปหรือไม่
ประเด็นสําคัญสองประการคือ สนธิสัญญาน้ําอินดัส ซึ่งตามรายงานยังคงถูกระงับแม้จะมีข้อตกลงหยุดยิง และข้อเสนอของสหรัฐอเมริกาในการเป็นตัวกลางเจรจาเกี่ยวกับแคชเมียร์ ซึ่งมองว่าทําให้นิวเดลีรู้สึกไม่สบายใจ
อินเดียได้ถอนตัวจากสนธิสัญญาน้ําอินดัสในเดือนเมษายน ซึ่งเป็นการปิดกั้นการไหลของแหล่งน้ําสําคัญเข้าสู่ปากีสถาน
ในตลาดหุ้นอินเดีย แม้ว่าส่วนใหญ่ของภาคส่วนจะเป็นบวก แต่ดัชนี Nifty Pharma ลดลง 0.8% โดยมีแรงกดดันหลักจากหุ้นสําคัญที่มีการเปิดรับความเสี่ยงในสหรัฐอเมริกาเป็นจํานวนมาก การปรับตัวลดลงของบริษัทยาในเอเชียเกิดขึ้นหลังจากทรัมป์กล่าวว่าเขาจะลงนามในคําสั่งบริหารเพื่อลดราคายาในสหรัฐอเมริกา
บทความนี้ถูกแปลโดยใช้ความช่วยเหลือจากปัญญาประดิษฐ์(AI) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดอ่านข้อกำหนดการใช้งาน