tradingkey.logo

Goldman เพิ่มความระมัดระวังต่อหุ้นเภสัชภัณฑ์รายใหญ่ มองเห็นโอกาสที่ Eli Lilly

Investing.com8 เม.ย. 2025 เวลา 13:08

Investing.com — Goldman Sachs เริ่มให้คําแนะนําสําหรับบริษัทเภสัชภัณฑ์ที่มีมูลค่าตลาดขนาดใหญ่หลายแห่ง โดยมีท่าทีระมัดระวังต่อ Bristol-Myers Squibb (NYSE:BMY), Pfizer (NYSE:PFE) และ AbbVie (NYSE:ABBV) ในขณะที่ปรับคําแนะนํา Eli Lilly (NYSE:LLY) เป็น ซื้อ เนื่องจากมีแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งในด้านการรักษาโรคอ้วน

โบรกเกอร์ดังกล่าวได้ปรับลดคําแนะนําของ Bristol-Myers Squibb จาก ซื้อ เป็น การคงสัดส่วนการลงทุน และลดราคาเป้าหมายลงเหลือ $55 จาก $67

Goldman กล่าวว่าตลาดได้รวมการสูญเสียรายได้ที่กําลังจะเกิดขึ้นจากการหมดอายุสิทธิบัตรเข้าไปในราคาแล้ว แต่ยังเห็นว่ามี "ช่องว่างที่สําคัญที่ต้องเชื่อมต่อ" ก่อนที่จะกลับมาเติบโตอีกครั้ง

โบรกเกอร์ชี้ให้เห็นถึงความไม่แน่นอนที่ยังคงอยู่เกี่ยวกับช่วงเวลาที่กําไรจะถึงจุดต่ําสุดในช่วงปลายทศวรรษนี้ แม้ว่าผลิตภัณฑ์ใหม่อย่าง Cobenfy และ Camzyos จะเริ่มขยายตัวก็ตาม

Goldman ยังได้ปรับลดคําแนะนําของ Pfizer เป็น การคงสัดส่วนการลงทุน และลดราคาเป้าหมายลงเหลือ $25 จาก $32 โดยอ้างถึงแรงกดดันที่ดําเนินอยู่ในธุรกิจหลักและการขาดปัจจัยกระตุ้นในระยะใกล้

บริษัทกล่าวว่าแม้ว่า Pfizer ได้ดําเนินการเพื่อฟื้นฟูผ่านการควบรวมกิจการและการปรับโฟกัสไปที่ไปป์ไลน์ แต่ความพยายามเหล่านี้ "จะต้องใช้เวลาในการได้รับการยอมรับ"

การให้คําแนะนําสําหรับ AbbVie ก็ถูกกําหนดที่ การคงสัดส่วนการลงทุน เช่นกัน โดย Goldman ลดราคาเป้าหมายลงเหลือ $194 จาก $212

ธนาคารระบุว่าความคาดหวังของนักวิเคราะห์ในตลาดตอนนี้สะท้อนถึงแรงส่งที่แข็งแกร่งของยาภูมิคุ้มกันสําคัญอย่าง Skyrizi และ Rinvoq ทําให้มีพื้นที่จํากัดสําหรับการเติบโตเพิ่มเติม

ธนาคารเตือนถึงความท้าทายที่ยังคงมีอยู่ในหน่วยธุรกิจด้านความงามของบริษัท โดยอ้างถึงความอ่อนแอของเศรษฐกิจมหภาคและการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น

ในทางตรงกันข้าม Goldman ได้ปรับเพิ่มคําแนะนําของ Eli Lilly เป็น ซื้อ จาก การคงสัดส่วนการลงทุน โดยคงราคาเป้าหมายที่ $888 บริษัทมอง Lilly ว่าเป็น "ผู้นําการเติบโตด้านรายได้ของภาคส่วนนี้" โดยขับเคลื่อนด้วยความเป็นผู้นําในตลาดยารักษาโรคอ้วน

บริษัทคาดการณ์ว่ายาเม็ดรับประทานวันละครั้งของ Lilly ที่ชื่อ orforglipron จะสร้างยอดขายสูงสุดที่ 23.5 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2035 ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้

บทความนี้ถูกแปลโดยใช้ความช่วยเหลือจากปัญญาประดิษฐ์(AI) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดอ่านข้อกำหนดการใช้งาน

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลที่ให้ไว้บนเว็บไซต์นี้มีไว้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการศึกษาและให้ข้อมูลเท่านั้น และไม่ควรถือเป็นคำแนะนำทางการเงินหรือการลงทุน

บทความที่เกี่ยวข้อง

KeyAI