Investing.com - ประธานาธิบดีสหรัฐโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งบริหารเมื่อวันจันทร์ กำหนดภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมทั้งหมดในอัตรา 25% โดยระบุว่าจะไม่มีประเทศใดได้รับการยกเว้นจากภาษีดังกล่าว
ทรัมป์ยังกล่าวว่าเขากำลังพิจารณากำหนดภาษีนำเข้ารถยนต์ ชิป และเวชภัณฑ์ และจะประกาศแผนภาษีตอบโต้ภายในอีกสองวัน
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่าภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมชุดใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคมเป็นต้นไป
มาตรการภาษีรอบใหม่ของทรัมป์จะยกเลิกโควต้าการนำเข้าแบบปลอดภาษีสำหรับซัพพลายเออร์เหล็กรายใหญ่ของสหรัฐฯ เช่น แคนาดา เม็กซิโก และบราซิล ซึ่งเป็นข้อตกลงที่ทรัมป์เคยเจรจาไว้ในสมัยดำรงตำแหน่งครั้งแรก
ทรัมป์ยังได้วางแผนกำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับโลหะที่นำเข้ามาในอเมริกาเหนือ โดยระบุว่าเหล็กจะต้องผ่านกระบวนการ “หลอมและเท” (melted and poured) และอะลูมิเนียมต้องผ่านกระบวนการ “หลอมและหล่อ” (smelted and cast) ภายในภูมิภาค เพื่อลดการนำเข้าโลหะจากจีน
ประธานาธิบดีสหรัฐได้กล่าวถึงแผนกำหนดภาษีโลหะใหม่ตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยระบุว่ามาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายหลักเพื่อเสริมสร้างการผลิตโลหะในประเทศ และลดการพึ่งพาการนำเข้า
สหรัฐฯ นำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมเป็นจำนวนหลายล้านตันต่อปี เนื่องจากโลหะทั้งสองชนิดมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมต่างๆ ตั้งแต่การก่อสร้างไปจนถึงอุตสาหกรรมยานยนต์
มาตรการภาษีโลหะที่ทรัมป์ประกาศใช้ในปี 2018 ช่วยกระตุ้นการผลิตเหล็กภายในประเทศเพียงช่วงสั้น ๆ เนื่องจากผู้บริโภคยังคงต้องนำเข้าเหล็กจากต่างประเทศเพื่อตอบสนองความต้องการ
ทรัมป์กล่าวว่าเขาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับภาษีตอบโต้จากประเทศคู่ค้า อย่างไรก็ตาม เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จีนได้กำหนดมาตรการตอบโต้ทางการค้าเพื่อตอบสนองต่อภาษี 10% ของทรัมป์ที่มีต่อประเทศจีน รวมถึงได้เปิดการสอบสวนด้านการผูกขาดกับบริษัท Google (NASDAQ:GOOGL)
นักลงทุนกังวลว่ามาตรการภาษีของทรัมป์อาจจุดชนวนให้เกิดสงครามการค้ารอบใหม่ในระดับโลก นอกจากนี้ ภาษีเหล่านี้ ซึ่งจะถูกแบกรับโดยผู้นำเข้าชาวอเมริกัน อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า