Investing.com - ดัชนีฟิวเจอร์สของตลาดวอลล์สตรีทปรับตัวลดลงในช่วงค่ำของวันจันทร์ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งบริหารกำหนดภาษีนำเข้ากับโลหะสำคัญ ขณะที่นักลงทุนยังคงระมัดระวังก่อนการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่สำคัญ
หุ้นฟิวเจอร์สปรับลงหลังวอลล์สตรีทปิดบวกในเซสชั่นก่อนหน้านี้ เนื่องจากการเข้าซื้อหลังการปรับฐานเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ถือเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของการปรับตัวขึ้น
S&P 500 ฟิวเจอร์ส ลดลง 0.2% มาเป็น 6,075.50 จุด ขณะที่ Nasdaq 100 ฟิวเจอร์ส ลดลง 0.3% มาเป็น 21,789.25 จุด ณ เวลา 07:21 น.(GMT+7) ส่วน ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส ลดลง 0.2% มาเป็น 44,504.0 จุด
ทรัมป์ลงนามคำสั่งกำหนดภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม
ในวันจันทร์ ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งบริหารกำหนดภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมในอัตรา 25% โดยระบุว่าจะไม่มีข้อยกเว้นสำหรับประเทศใด
เดิมที ประเทศผู้ส่งออกเหล็กรายใหญ่ เช่น แคนาดา เม็กซิโก และบราซิล เคยได้รับข้อยกเว้นบางส่วนในรูปแบบโควตาภาษี แต่มาตรการเหล่านี้จะถูกยกเลิก
ทรัมป์เตือนว่าภาษีสำหรับโลหะอาจเพิ่มขึ้นอีก พร้อมระบุว่าเขากำลังพิจารณาการเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ ชิป และยา นอกจากนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังกล่าวถึงแผนที่จะเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ให้เท่ากับอัตราภาษีของประเทศอื่นที่เก็บจากสินค้าส่งออกของสหรัฐฯ
การพูดถึงมาตรการภาษีใหม่ของทรัมป์ได้สร้างแรงกดดันต่อตลาดวอลล์สตรีทเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นที่ปรับตัวลงในวันจันทร์
S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.7% มาเป็น 6,066.48 จุด ขณะที่ NASDAQ คอมโพสิต เพิ่มขึ้นเกือบ 1% มาอยู่ที่ 19,714.27 จุด ด้าน ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส ปรับขึ้น 0.4% เป็น 44,470.41 จุด
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ โดยเฉพาะผู้ผลิตชิป ถือเป็นแรงหนุนหลักของตลาดวอลล์สตรีท เนื่องจากบริษัทที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานด้านปัญญาประดิษฐ์ส่งสัญญาณว่าจะเพิ่มการลงทุนด้าน AI ในปี 2025
หุ้นกลุ่มพลังงานก็ปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมัน เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าภาษีที่เกี่ยวข้องกับห่วงโซ่อุปทานน้ำมันอาจทำให้ตลาดตึงตัว
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของตลาดยังคงถูกจำกัดโดยแรงกดดันในหุ้นกลุ่มวัฏจักร ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ
จับตาเงินเฟ้อ CPI ในสัปดาห์นี้เพื่อสัญญาณเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย
ตลาดยังต้องให้ความสนใจกับข้อมูลเงินเฟ้อ CPI ที่จะเผยแพร่ในวันพุธนี้ ซึ่งอาจให้สัญญาณเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของโลก
ข้อมูลดังกล่าวคาดว่าจะแสดงให้เห็นถึงอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูงในเดือนมกราคม ซึ่งอาจลดโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระยะเวลาอันใกล้
เจ้าหน้าที่ของเฟดหลายคนได้เตือนในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาว่าความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายของทรัมป์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อ จะทำให้ธนาคารกลางยังไม่สามารถลดอัตราดอกเบี้ยได้