Investing.com - สกุลเงินเอเชียส่วนใหญ่อ่อนค่าในวันนี้ ขณะที่เงินดอลลาร์แข็งขึ้นหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ประกาศว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าโลหะ ซึ่งทำให้เงินเยนอ่อนค่ามากที่สุดในกลุ่มสกุลเงินหลัก
เงินหยวนจีนก็อ่อนค่าลงเช่นกัน หลังข้อมูลเงินเฟ้อเดือนมกราคมต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ บ่งชี้ว่าแนวโน้มภาวะเงินฝืดของประเทศยังไม่ดีขึ้น
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นในตลาดเอเชียและยังสามารถฟื้นตัวจากการขาดทุนทั้งหมดของสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่ตลาดเตรียมรับมือกับมาตรการปกป้องทางการค้าจากทรัมป์ นอกจากนี้ ประธานาธิบดียังกล่าวว่าจะเรียกเก็บภาษีตอบโต้กับประเทศคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐฯ
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ได้เรียกเก็บภาษี 10% ต่อจีนซึ่งทำให้ปักกิ่งไม่พอใจและตอบโต้กลับ ส่งผลให้ความเชื่อมั่นต่อตลาดในภูมิภาคยังคงอ่อนแอ ขณะที่นักลงทุนเตรียมพร้อมรับมือกับสงครามการค้ารอบใหม่
ทรัมป์ประกาศเก็บภาษีเหล็กและอะลูมิเนียม 25%
ทั้ง ดัชนีดอลลาร์ และ ดัชนีดอลลาร์ฟิวเจอร์ส ต่างก็ปรับตัวขึ้น 0.3% ในตลาดเอเชีย โดยสามารถฟื้นตัวจากการขาดทุนทั้งหมดของสัปดาห์ที่แล้วได้
ดอลลาร์ได้รับแรงหนุนจากคำประกาศของทรัมป์ที่จะเรียกเก็บภาษี 25% สำหรับการนำเข้าอะลูมิเนียมและเหล็กทั้งหมดเข้าสู่สหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเกาหลีใต้และญี่ปุ่นมากที่สุด
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังย้ำแผนที่จะปรับอัตราภาษีนำเข้าให้สอดคล้องกับอัตราภาษีที่สหรัฐฯ ต้องเผชิญเมื่อส่งออกสินค้า โดยสหภาพยุโรปถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของเขาเกี่ยวกับนโยบายภาษีการค้าที่ไม่เป็นธรรม
คำกล่าวของทรัมป์ช่วยหนุนให้ดอลลาร์แข็งค่า เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าภาษีเหล่านี้ ซึ่งจะต้องจ่ายโดยผู้นำเข้าสินค้าจะช่วยหนุนเงินเฟ้อภายในประเทศ
นักวิเคราะห์และเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐเตือนว่า เงินเฟ้อที่เกี่ยวข้องกับภาษีอาจทำให้อัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปเป็นเวลานาน
ในสัปดาห์นี้ ตลาดยังต้องจับตาข้อมูลเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ ที่จะประกาศออกมาอีกด้วย
เงินหยวนจีนอ่อนค่าหลังข้อมูลเงินเฟ้ออ่อนแอ
เงินหยวนจีนอ่อนค่าลง โดยคู่เงิน USD/CNY ปรับตัวขึ้น 0.3% ในวันนี้
เงินหยวนได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเงินเฟ้อที่อ่อนแอกว่าที่คาด ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์ โดยตัวเลขแสดงให้เห็นว่าเงินเฟ้อ CPI เติบโตต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่ตัวเลข PPI ยังหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง
ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนแออย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจจีน ซึ่งอาจได้รับแรงกดดันเพิ่มขึ้นจากมาตรการภาษีของทรัมป์
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ดังกล่าวอาจกระตุ้นให้รัฐบาลจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยเฉพาะมาตรการทางการคลังที่มุ่งเน้นการกระตุ้นการบริโภค
เงินดอลลาร์ออสเตรเลีย AUD/USD ปรับตัวลง 0.2%
คู่ USD/KRW ของเงินวอนเกาหลีใต้ปรับตัวขึ้น 0.1% ขณะที่คู่ USD/SGD ของดอลลาร์สิงคโปร์ปรับตัวขึ้น 0.2%
รูปีอินเดียอ่อนค่าลงอย่างมาก โดยคู่เงิน USD/INR แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เหนือ 88 รูปี หลังถูกกดดันจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางอินเดีย (NSE:BOI) เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
เงินเยนญี่ปุ่นร่วงจากระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน
เงินเยนญี่ปุ่นถือเป็นสกุลเงินที่อ่อนค่ามากที่สุดในบรรดาสกุลเงินเอเชีย โดยคู่เงิน USD/JPY ปรับตัวขึ้น 0.4% จากระดับต่ำสุดตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม
ก่อนหน้านี้ เงินเยนแข็งค่าขึ้นอย่างมากในสัปดาห์ที่แล้ว หลังข้อมูลค่าจ้างที่แข็งแกร่งและท่าทีเชิง hawkish ของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า BOJ อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยก่อนหน้านี้ BOJ ได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว 25 จุดพื้นฐานในเดือนมกราคม
อย่างไรก็ตาม ข้อมูล บัญชีเดินสะพัด ที่อ่อนแอกว่าการคาดการณ์ ก็แสดงให้เห็นว่าดุลบัญชีเดินสะพัดของญี่ปุ่นลดลงอย่างมาก ส่งผลให้เงินเยนเผชิญแรงกดดันในการอ่อนค่า