Investing.com - หุ้นฟิวเจอร์สสหรัฐร่วงลงในช่วงค่ำของวันอังคาร หลังถูกกดดันจากการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากผลประกอบการที่น่าผิดหวังของ Alphabet บริษัทแม่ของ Google ทำให้เกิดข้อกังขาเกี่ยวกับความต้องการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI)
หุ้นฟิวเจอร์สปรับตัวลงหลังจากตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปิดบวก โดยนักลงทุนรู้สึกโล่งใจที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเลื่อนการเรียกเก็บภาษีศุลกากรที่สูงจากแคนาดาและเม็กซิโกออกไป อย่างไรก็ตาม ภาษีที่สหรัฐฯ เรียกเก็บจากจีนกลับยังคงมีผลบังคับใช้ ซึ่งทำให้จีนไม่พอใจและตอบโต้กลับ
ความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าที่กำลังก่อตัวขึ้นได้ฉุดตลาดหุ้นวอลล์สตรีทลงอย่างหนักในวันจันทร์ โดยดัชนีหลักของสหรัฐฯ ยังคงพยายามฟื้นตัวจากการขาดทุนดังกล่าว
ดัชนี S&P 500 ฟิวเจอร์ส ลดลง 0.4% มาเป็น 6,042.25 จุด ขณะที่ Nasdaq 100 ฟิวเจอร์ส ลดลง 0.5% เป็น 21,569.0 จุด ณ เวลา 07:05 น.(GMT+7) ส่วน ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส ขยับลง 0.1% มาเป็น 44,642.0 จุด
หุ้น Alphabet ร่วงหลังผลประกอบการไตรมาส 4 น่าผิดหวัง
หุ้นคลาส A ของ Alphabet (NASDAQ:GOOGL) ร่วงลง 7.4% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการ หลังจากรายได้ไตรมาส 4 ของบริษัทต่ำกว่าการคาดการณ์ โดยเฉพาะรายได้จากธุรกิจคลาวด์ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับ AI
ผลประกอบการดังกล่าวได้สร้างข้อกังขาว่า AI จะสามารถเป็นปัจจัยขับเคลื่อนกำไรได้มากแค่ไหน ตัวเลขดังกล่าวถือเป็นแนวโน้มเดียวกับผลประกอบการของ Microsoft เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อีกทั้ง Alphabet รวมถึง Microsoft (NASDAQ:MSFT) ยังระบุอีกว่าบริษัทจะลงทุนเงินจำนวนมหาศาลใน AI ตลอดปี 2025
การใช้จ่ายด้าน AI ของบริษัทเทคโนโลยีในวอลล์สตรีทถูกจับตามองอย่างเข้มงวดในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะหลังจากการเปิดตัวโมเดล AI DeepSeek R1 ของจีน ที่ดูเหมือนจะดำเนินการด้วยงบประมาณที่น้อยกว่ามาก
ปัจจัยดังกล่าวทำให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงอย่างหนักเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งตลาดยังคงพยายามฟื้นตัวจากการเทขายครั้งใหญ่ ผลประกอบการของ Alphabet อาจจุดชนวนให้เกิดการปรับฐานของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอีกระลอก แม้ว่าหุ้นของบริษัทเทคโนโลยีรายอื่น ๆ ในวอลล์สตรีทจะไม่เปลี่ยนแปลงมากนักในการซื้อขายนอกเวลาทำการก็ตาม
วอลล์สตรีทมองข้ามความกังวลเรื่องสงครามการค้า จับตาผลประกอบการเพิ่มเติม
หุ้นในวอลล์สตรีทปิดเป็นบวกในวันอังคาร โดยได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อเก็งกำไรหลังจากที่ตลาดร่วงลงอย่างหนักในวันจันทร์
นักลงทุนส่วนใหญ่มองข้ามความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้ากับจีน แม้ว่าภาษี 10% ของสหรัฐฯ ต่อสินค้าจีนจะมีผลบังคับใช้แล้วก็ตาม ขณะที่จีนก็ตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีนำเข้าและควบคุมการส่งออก นอกจากนี้ยังเปิดการสอบสวนด้านการผูกขาดกับ Google อีกด้วย
ทรัมป์ส่งสัญญาณว่าเขาไม่รีบร้อนที่จะเจรจากับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน โดยมาตรการภาษีดังกล่าวจะยังคงมีผลต่อไปในอนาคตอันใกล้
นักวิเคราะห์เตือนว่าการเรียกเก็บภาษีที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะถูกผลักภาระไปยังผู้นำเข้าของสหรัฐฯ อาจทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นและกดดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้น 0.7% มาอยู่ที่ 6,037.83 จุด ขณะที่ดัชนี NASDAQ คอมโพสิต เพิ่มขึ้น 1.4% มาเป็น 19,654.02 จุด ส่วนดัชนี ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 0.3% เป็น 44,556.04 จุด
ในสัปดาห์นี้ยังมีรายงานผลประกอบการของบริษัทใหญ่อื่น ๆ ที่ต้องจับตา โดยมีทั้งบริษัทในกลุ่ม “Magnificent Seven” อย่าง Amazon.com Inc (NASDAQ:AMZN) ที่มีกำหนดรายงานผลประกอบการในวันพฤหัสบดี อีกทั้งก็ยังมี Uber Technologies Inc (NYSE:UBER) Walt Disney Company (NYSE:DIS) Qualcomm Incorporated (NASDAQ:QCOM) และ MicroStrategy Incorporated (NASDAQ:MSTR) ในวันนี้