Investing.com - สกุลเงินเอเชียอ่อนค่าอย่างหนักในวันนี้ โดย หยวนจีน ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในตลาดนอกประเทศ เนื่องจากดอลลาร์แข็งค่าขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ เดินหน้าขึ้นภาษีการค้าตามที่เคยขู่ไว้
สกุลเงินในภูมิภาคถูกกดดันจากแรงเทขายในสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก หลังจากที่ทรัมป์ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้า 25% ต่อแคนาดาและเม็กซิโก และ 10% ต่อจีนเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งสามประเทศยังได้ให้คำมั่นว่าจะตอบโต้ ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นของสงครามการค้าระลอกใหม่
ด้วยเหตุนี้ สกุลเงินเอเชียที่พึ่งพาการค้าจึงได้รับผลกระทบหนักที่สุดในวันนี้ โดยคู่ USD/SGD ของดอลลาร์สิงคโปร์พุ่งขึ้น 0.8% ขณะที่ AUD/USD ของออสเตรเลียลดลง 1.8% แตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 5 ปี
เงินวอนของเกาหลีใต้ซึ่งอ่อนไหวต่อการค้าก็อ่อนค่าลงเช่นกัน โดยคู่ USD/KRW พุ่งขึ้น 0.9% ขณะที่คู่ USD/INR ของเงินรูปีอินเดียอ่อนค่าลง 0.4% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 86.920 รูปี
เงินเยนของญี่ปุ่นอ่อนค่าลงน้อยกว่าสกุลเงินอื่น ๆ เนื่องจากธนาคารกลางญี่ปุ่นยังคงมีท่าทีเชิง Hawkish และเงินเยนยังถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย โดยคู่ USD/JPY ปรับตัวขึ้น 0.3%
นอกจากนี้ สกุลเงินเอเชียยังถูกกดดันจากข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่ง ซึ่งเมื่อรวมกับภาษีของทรัมป์แล้ว มันก็อาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐมีแนวโน้มที่จะลดอัตราดอกเบี้ยน้อยลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
เงินหยวนอ่อนค่าสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในตลาดนอกปรเทศ
ตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ยังคงปิดทำการเนื่องในวันหยุดตรุษจีนตลอดสัปดาห์ โดยจะกลับมาเปิดทำการในวันอังคาร
อย่างไรก็ตาม เงินหยวนอ่อนค่าลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในตลาดนอกประเทศ โดยคู่ USD/CNH พุ่งขึ้น 0.5% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 7.3536 หยวนต่อดอลลาร์
ทรัมป์ได้เก็บภาษีนำเข้าที่ 10% ต่อจีน ซึ่งส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจจีนที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่าผลกระทบทางเศรษฐกิจอาจไม่รุนแรงเท่าที่คาดไว้ เนื่องจากจีนได้ลดการพึ่งพาการค้ากับสหรัฐฯ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ปักกิ่งยังออกมาประณามภาษีของทรัมป์ และให้คำมั่นว่าจะตอบโต้ นอกจากนี้ จีนคาดว่าจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่เพื่อชดเชยผลกระทบจากภาษีดังกล่าว
ดัชนี PMI ของจีนบ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจยังคงซบเซาในเดือนมกราคม หลังรายงาน PMI ภาคการผลิต ของ Caixin ออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ แม้ว่าจะยังอยู่ในเขตขยายตัวก็ตาม
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เตือนว่าทรัมป์มีแนวโน้มที่จะเดินหน้าขึ้นภาษีการค้าต่อไป ซึ่งอาจนำไปสู่การเพิ่มภาษีนำเข้าเป็น 60% ต่อจีนในอนาคต ตามที่เขาเคยขู่ว่าจะทำ
เงินดอลลาร์พุ่งขึ้นจากผลกระทบของภาษีทรัมป์
ดัชนีดอลลาร์ และ ดัชนีดอลลาร์ฟิวเจอร์ส พุ่งขึ้นประมาณ 1.3% ในตลาดเอเชีย แตะระดับสูงสุดในรอบเกือบหนึ่งเดือน นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์ยังขยับกลับเข้าใกล้ระดับสูงสุดในรอบกว่าสองปีที่เคยทำไว้ในเดือนมกราคม
ภาษีของทรัมป์ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันอังคาร คาดว่าจะส่งผลให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น เนื่องจากภาษีเหล่านี้จะผลักภาระให้กับผู้นำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ
เงินเฟ้อที่สูงขึ้นจะทำให้เฟดมีแรงจูงใจลดลงในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ขณะเดียวกันก็ยังสร้างแรงกดดันต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ อีกด้วย
ข้อมูลเงินเฟ้อที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์แสดงให้เห็นว่า ดัชนีราคา PCE ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐให้ความสำคัญ ปรับตัวขึ้นตามที่คาดการณ์ไว้ในเดือนธันวาคม
ตัวเลขดังกล่าวอยู่สูงกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อ 2% ต่อปีของเฟด ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ตลาดคาดว่าอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ อาจต้องอยู่ในระดับสูงต่อไปอีกระยะหนึ่ง