Investing.com - ตลาดหุ้นเอเชียมีความเคลื่อนไหวที่หลากหลายในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนเกี่ยวกับมาตรการภาษีของประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งขู่ว่าจะกำหนดอัตราภาษีที่สูงต่อกลุ่มประเทศ BRICS
ปริมาณการซื้อขายในตลาดเอเชียยังคงเบาบาง เนื่องจากตลาดในจีน ฮ่องกง และไต้หวันยังปิดทำการเนื่องในวันหยุดตรุษจีน
ตลาดเอเชียยังได้รับแรงหนุนเพียงเล็กน้อยจากการปิดบวกของวอลล์สตรีทเมื่อคืนที่ผ่านมา เนื่องจากความเชื่อมั่นโดยรวมถูกกดดันจากภัยคุกคามด้านภาษีเพิ่มเติมจากทรัมป์ อย่างไรก็ตาม หุ้นฟิวเจอร์สสหรัฐปรับตัวขึ้นในตลาดเอเชีย โดยหุ้นเทคโนโลยีมีแนวโน้มฟื้นตัวจากการขาดทุนเมื่อต้นสัปดาห์ หลังจากผลประกอบการของบางบริษัทออกมาดี
นอกจากนี้ นักลงทุนยังต้องจับตาข้อมูลเงินเฟ้อสำคัญของสหรัฐฯ อย่าง ดัชนีราคา PCE ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐให้ความสำคัญ และมีกำหนดการณ์เผยแพร่ในวันนี้
ทรัมป์ขู่เก็บภาษี 100% ต่อกลุ่ม BRICS หากหยุดใช้เงินดอลลาร์
ทรัมป์ขู่ที่จะกำหนดอัตราภาษีศุลกากร 100% ต่อกลุ่มประเทศ BRICS หากพวกเขาพยายามสร้างสกุลเงินของตนเองและลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐ
ทรัมป์เรียกร้องให้กลุ่ม BRICS ซึ่งประกอบไปด้วย บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ ให้คำมั่นว่าจะไม่ดำเนินโครงการดังกล่าว
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังยืนยันว่าเขายังคงมีแผนจะเก็บภาษี 25% ต่อแคนาดาและเม็กซิโก ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของสงครามการค้าโลกครั้งใหม่ อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้ที่ทรัมป์จะอนุมัติอัตราภาษี 10% ต่อจีน
ดัชนีฟิวเจอร์สของ Nifty 50 ของอินเดียมีแนวโน้มเปิดตลาดในแดบลบ หลังจากคำขู่ของทรัมป์ เนื่องจากอินเดียถือเป็นหนึ่งในสมาชิกหลักของกลุ่ม BRICS
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังคงระมัดระวังก่อนการเปิดเผยรายงาน งบประมาณสหภาพอินเดีย โดยดัชนี Nifty ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 7 เดือนในสัปดาห์นี้ แม้ว่าจะสามารถฟื้นตัวขึ้นมาได้บางส่วน
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นทรงตัว ขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้อโตเกียวปรับตัวสูงขึ้น
ดัชนี Nikkei 225 ของญี่ปุ่นปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ TOPIX ทรงตัว
ข้อมูลเงินเฟ้อ CPI ในกรุงโตเกียวปรับตัวขึ้นตามการคาดการณ์ สู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 ปีในเดือนมกราคม ซึ่งบ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วประเทศอาจเพิ่มขึ้นในลักษณะเดียวกัน
เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นสอดคล้องกับแนวคิดของธนาคารกลางญี่ปุ่นที่มองว่าเศรษฐกิจของประเทศกำลังเข้าสู่ “วงจรที่ดี” ที่เอื้อต่อการเติบโตของเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งอาจเปิดทางให้ BOJ มีพื้นที่มากขึ้นในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม
BOJ เพิ่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 25 จุดฐานเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ข้อมูลอื่น ๆ แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังมีสัญญาณที่ดี โดย การผลิตภาคอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนธันวาคม ขณะที่ ดัชนียอดค้าปลีก ขยายตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไว้
ตลาดหุ้นเอเชียโดยรวมผันผวน โดยดัชนี ASX 200 ของออสเตรเลียเพิ่มขึ้น 0.3% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 8,566.90 จุดในช่วงสั้น ๆ เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางออสเตรเลียจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกุมภาพันธ์
ดัชนี STI ของสิงคโปร์ทำผลงานได้ดีที่สุดในเอเชีย โดยพุ่งขึ้นเกือบ 2% เนื่องจากการซื้อขายเริ่มกลับมาดำเนินการอีกครั้งหลังวันหยุดตรุษจีน ตลาดสิงคโปร์ได้รับประโยชน์จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับภาคส่วนที่อ่อนไหวต่อเศรษฐกิจ เช่น สินเชื่อและอุตสาหกรรม เนื่องจากความเชื่อมั่นต่อหุ้นเทคโนโลยีลดลงจากการเปิดตัวโมเดลปัญญาประดิษฐ์ DeepSeek ของจีน
ดัชนี KOSPI ของเกาหลีใต้ ซึ่งกลับมาซื้อขายอีกครั้งหลังวันหยุดตรุษจีน ร่วงลง 1.3% จากการขาดทุนของหุ้นผู้ผลิตชิปและเทคโนโลยีรายใหญ่ ตามหุ้นระดับโลกอื่น ๆ ที่ร่วงลงอย่างรุนแรงในสัปดาห์นี้
บริษัท SK Hynix Inc (KS:000660) ซัพพลายเออร์ของ Nvidia (NASDAQ:NVDA) ร่วงลงมากถึง 11% ขณะที่ Samsung Electronics Co Ltd (KS:005930) ลดลง 2.6%