Investing.com - ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นในตลาดเอเชียวันนี้ หลังได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อเก็งกำไรระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ราคาก็ยังคงมีแนวโน้มขาดทุนเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์
นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเงินเฟ้อสำคัญของสหรัฐฯ อย่างดัชนีราคา PCE ที่จะเผยแพร่ในวันนี้เพื่อหาแนวโน้มเพิ่มเติมเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย เงิน ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากการคาดการณ์เกี่ยวกับข้อมูลดังกล่าว ซึ่งจำกัดการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมัน
เงินดอลลาร์ยังได้รับแรงหนุนจากคำขู่ของทรัมป์ที่เตรียมเก็บภาษีศุลกากรสูงถึง 100% ต่อกลุ่ม BRICS ที่รวมถึงจีน ซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุด นอกจากนี้ เขายังยืนยันเมื่อวันพฤหัสบดีว่าอัตราภาษี 25% สำหรับแคนาดาและเม็กซิโกจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันเสาร์
น้ำมันดิบเบรนท์ฟิวเจอร์ส ที่จะครบกำหนดในเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 0.4% มาเป็น 77.21 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ น้ำมันดิบ WTI ฟิวเจอร์ส ปรับตัวขึ้น 0.5% เป็น 73.13 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ณ เวลา 08:33 น.(GMT+7) อย่างไรก็ตาม ทั้งสองสัญญายังคงลดลงระหว่าง 1.7% ถึง 2.3% ในสัปดาห์นี้ ซึ่งนับเป็นการขาดทุนสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน
แรงกดดันหลักต่อน้ำมันนั้นมาจากความกังวลว่าภาษีของทรัมป์อาจส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ทั่วโลก โดยเฉพาะในจีน ซึ่งเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ที่สุดของโลกและเป็นเป้าหมายหลักของทรัมป์
นอกจากนี้ ความกังวลเกี่ยวกับบทบาทของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการกระตุ้นความต้องการพลังงานก็ยังส่งผลกระทบต่อตลาดน้ำมัน เช่นเดียวกับข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าปริมาณน้ำมันคงคลังของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้
จับตาภาษีของทรัมป์ต่อแคนาดาและเม็กซิโก
ทรัมป์กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า เขามีแผนเดินหน้ากำหนดอัตราภาษีศุลกากร 25% ต่อสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก โดยอ้างว่าเป็นมาตรการตอบโต้การไหลเข้าของผู้อพยพผิดกฎหมายและสารเฟนทานิลเข้าสู่สหรัฐฯ
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่าเขายังคงพิจารณาว่าจะรวมการนำเข้าน้ำมันไว้ในมาตรการภาษีดังกล่าวหรือไม่ โดยแคนาดาถือเป็นซัพพลายเออร์น้ำมันรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ คิดเป็น 60% ของการนำเข้าน้ำมัน ขณะที่เม็กซิโกมีสัดส่วน 10%
หากมีการเก็บภาษีนำเข้าน้ำมัน มันก็อาจทำให้ราคาน้ำมันเบนซินในสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อแผนของทรัมป์ในการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันภายในประเทศต้องใช้เวลาในการดำเนินการ ทรัมป์อาจหลีกเลี่ยงการเก็บภาษีนำเข้าน้ำมันเนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ตาม หากมีการเรียกเก็บภาษีต่อน้ำมัน มันก็อาจส่งผลกระทบต่ออุปสงค์และกดดันตลาดน้ำมันเพิ่มเติม
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังขู่เรียกเก็บภาษี 10% ต่อจีน ซึ่งอาจมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันเสาร์นี้
จับตาข้อมูล PCE หาแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย
นอกเหนือจากมาตรการภาษีของทรัมป์ นักลงทุนยังต้องให้ความสนใจกับ ข้อมูลดัชนีราคา PCE ประจำเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐให้ความสำคัญ
เฟดยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมในสัปดาห์นี้ และส่งสัญญาณเชิง hawkish เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต โดยอ้างถึงความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่ยังคงสูง รวมถึงผลกระทบด้านเงินเฟ้อจากนโยบายของทรัมป์