Investing.com - ราคาน้ำมันทรงตัวในตลาดเอเชียวันนี้ ขณะที่นักลงทุนประเมินสัญญาณเชิง hawkish จากเฟดรวมถึงแผนของประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะเพิ่มการผลิตพลังงานภายในประเทศ
ราคาน้ำมันอยู่ในช่วงปรับฐานตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากทรัมป์เรียกร้องให้ราคาน้ำมันลดลงและให้มีการผลิตเพิ่มขึ้นทั้งในสหรัฐฯ และประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ ขณะที่ข้อมูลสินค้าคงคลังน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นเกินคาดก็เป็นอีกปัจจัยที่กดดันราคาน้ำมัน
ตลาดยังคงกังวลเกี่ยวกับแผนของทรัมป์ที่จะกำหนดภาษีศุลกากรเพิ่มเติมต่อเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะจีน โดยทำเนียบขาวย้ำเมื่อวันพุธว่าทรัมป์จะเริ่มบังคับใช้มาตรการภาษีตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป
น้ำมันดิบเบรนท์ฟิวเจอร์ส ที่จะครบกำหนดในเดือนมีนาคมปรับตัวขึ้น 0.2% มาเป็น 76.71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ น้ำมันดิบ WTI ฟิวเจอร์ส ปรับตัวขึ้น 0.3% มาเป็น 72.81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ณ เวลา 08:29 น.(GMT+7)
จับตานโยบายภาษีและพลังงานของทรัมป์
เมื่อวันพุธ ทรัมป์กล่าวว่าเฟดล้มเหลวในการแก้ปัญหา "เงินเฟ้อที่พวกเขาสร้างขึ้น" และเขาจะช่วยลดแรงกดดันด้านราคาด้วยการ "ปลดปล่อยการผลิตพลังงานของอเมริกา" และมาตรการอื่น ๆ
คำพูดของทรัมป์สะท้อนถึงจุดยืนของเขาในการเพิ่มการผลิตพลังงานในสหรัฐฯ หลังจากที่เขาประกาศภาวะฉุกเฉินด้านพลังงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเรียกร้องให้เพิ่มการผลิตภายในประเทศ และลดข้อจำกัดด้านสิ่งแวดล้อมในอุตสาหกรรมพลังงาน
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังเรียกร้องให้ องค์กรประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) เพิ่มกำลังการผลิตเพื่อลดราคาน้ำมัน ซึ่งเป็นเป้าหมายของเขาในการกดราคาน้ำมันลงและยังอาจเป็นส่วนหนึ่งของแผนลดเงินเฟ้อในสหรัฐฯ
ตลาดน้ำมันตอบสนองในเชิงลบต่อแผนเพิ่มการผลิตของทรัมป์ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่ายังไม่มีแนวโน้มที่จะเห็นการเพิ่มกำลังการผลิตในทันทีภายใต้รัฐบาลของทรัมป์
แผนภาษีศุลกากรของทรัมป์ยังเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่น่ากังวล โดยเฉพาะหลังจากทำเนียบขาวย้ำว่าทรัมป์จะเรียกเก็บภาษี 25% ต่อแคนาดาและเม็กซิโก และภาษี 10% ต่อจีน ตั้งแต่วันเสาร์นี้
ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นในจีนอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการน้ำมันโลก เนื่องจากจีนถือเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก
ตลาดประเมินแนวโน้มเชิง hawkish ของเฟด
บรรยากาศในตลาดยังถูกกดดันจากสัญญาณเชิง hawkish ของเฟด ซึ่งได้ คงอัตราดอกเบี้ย ไว้ในวันพุธตามการคาดการณ์
อย่างไรก็ตาม เฟดมีท่าทีที่เข้มงวดเกี่ยวกับแนวโน้มการผ่อนคลายนโยบายในอนาคต โดยประธานเฟด เจอร์โรม พาวเวลล์ ระบุว่า ยังไม่มีแผนลดอัตราดอกเบี้ยในระยะสั้น เนื่องจากเงินเฟ้อที่ยังคงสูงและตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง
ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายของทรัมป์ยังถูกมองว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของเฟด
เงินดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยหลังจากการตัดสินใจของเฟด ซึ่งเป็นปัจจัยที่กดดันราคาน้ำมันให้ลดลงเช่นกัน