Investing.com - สก็อตต์ เบสเซนต์ (Scott Bessent) ซึ่งเพิ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ กำลังผลักดันแผนการเรียกเก็บภาษีศุลกากรสำหรับการนำเข้าสินค้าทั่วไปในสหรัฐฯ ตามรายงานของ Financial Times เมื่อวันจันทร์
เบสเซนต์เสนอให้เรียกเก็บภาษีศุลกากรสำหรับการนำเข้าสินค้าทั้งหมดเริ่มต้นที่ 2.5% และเพิ่มขึ้นในอัตราเท่าเดิมทุกเดือน ตามรายงานจาก FT ระบุโดยอ้างอิงแหล่งข่าวสี่รายที่มีความรู้ในเรื่องนี้ แผนดังกล่าวจะช่วยให้ภาคธุรกิจมีเวลาในการปรับตัวและทำให้ประเทศต่าง ๆ เจรจาข้อตกลงการค้ากับรัฐบาลวอชิงตันได้
แม้ภาษีอาจเพิ่มขึ้นถึงระดับสูงสุดที่ 20% ซึ่งสอดคล้องกับคำมั่นสัญญาในเชิงปกป้องผลประโยชน์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แต่การเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปก็จะช่วยลดผลกระทบที่เกิดขึ้นในทันที
รายงานจาก FT ยังระบุว่า ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนว่าเบสเซนต์จะสามารถโน้มน้าวสมาชิกคนอื่นในรัฐบาลให้สนับสนุนแผนนี้หรือไม่
เบสเซนต์ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังโดยสภาคองเกรสเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ถูกมองว่าเป็นบุคคลสายกลางในคณะรัฐมนตรีของทรัมป์ และคาดว่าจะช่วยลดโทนที่แข็งกร้าวของประธานาธิบดีในประเด็นภาษีศุลกากรลงได้บ้าง
เมื่อต้นสัปดาห์นี้ ทรัมป์ได้ขู่จะเรียกเก็บภาษีศุลกากรสูงถึง 25% กับโคลอมเบียในประเด็นเกี่ยวกับนโยบายการย้ายถิ่นฐาน อย่างไรก็ตาม การเก็บภาษีดังกล่าวก็ถูกระงับหลังจากโบโกตายอมทำตามข้อเรียกร้อง แต่นั่นได้สร้างความกังวลว่าเขาอาจปฏิบัติตามคำขู่ที่จะเรียกเก็บภาษีศุลกากรกับจีน เม็กซิโก และแคนาดา
ทรัมป์ได้เริ่มต้นการสอบสวนความสัมพันธ์ทางการค้าของสหรัฐฯ กับหลายประเทศเศรษฐกิจสำคัญ ซึ่งผลการสอบสวนอาจส่งผลต่อวาระการกำหนดภาษีของเขา ทั้งนี้ มีรายงานว่าประธานาธิบดียังไม่ได้ตัดสินใจเกี่ยวกับแผนภาษีใด ๆ ในขณะนี้